Page 195 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 195

193
                                                   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                   ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                     ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ

                     ดังกล่าวโดยทันที  เพื่อให้สิทธิและเสรีภาพของประชาชนถูกกระทบน้อยที่สุด และไม่สมควรนำา
                     พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ มาใช้กับการชุมนุมไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น


                                ๖.๑.๓  สิทธินำาคดีอาญามาฟ้องผู้ต้องหาที่ยินยอมเข้ารับการอบรมเป็นอันระงับ

                     ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ (มาตรา ๒๑)

                                มาตรา ๒๑  แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ
                     มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้กระทำาความผิดที่หลงผิด หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์มีโอกาสในการกลับ

                     เข้าสู่สังคมโดยผ่านการอบรม และมีผลให้สิทธินำาคดีอาญามาฟ้องระงับไป ซึ่งภาครัฐต้องการนำามา
                     ใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา  โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้  แต่การเข้าสู่กระบวนการ

                     การอบรมตามมาตรา ๒๑ ที่ผ่านมามีปัญหาอยู่บ้าง โดยผู้ต้องหาชุดแรกที่เข้าสู่กระบวนการอบรม
                     ตามมาตรา ๒๑ สืบเนื่องจากมีเหตุระเบิด เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๕ บริเวณตลาดนัดนิคมเทพา

                     อำาเภอเทพา จังหวัดสงขลา ส่งผลให้อาสาสมัครทหารพรานได้รับบาดเจ็บ จำานวน ๖ นาย และ
                     ประชาชนบริเวณดังกล่าวอีก ๗ ราย ซึ่งต่อมาหน่วยงานความมั่นคงได้ออกแถลงข่าวว่าผู้ต้องหา

                     ทั้งสี่รายยินยอมเข้าสู่กระบวนการอบรมตามมาตรา ๒๑ และได้มีการปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ต้องหา
                     ทั้งสี่ได้ขอรับความช่วยเหลือทางกฎหมายจากมูลนิธิ ศูนย์ทนายความมุสลิม ทำาให้ทราบถึงขั้นตอน

                     ของกฎหมายและบางรายร้องเรียนว่ามีการบังคับขู่เข็ญ ทำาร้ายร่างกายเพื่อให้เข้าสู่โครงการดังกล่าว
                     และได้ยืนยันต่อศาลจังหวัดนาทวี อำาเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เมื่อวันพุธที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๔

                     อ้างว่าไม่ได้เข้าร่วมกระบวนการอบรมตามมาตรา ๒๑ โดยสมัครใจ แต่ถูกบังคับและซ้อมทรมาน
                     และได้ยืนยันต่อศาลอีกครั้ง เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๕ ว่าไม่สมัครใจเข้ารับการอบรมแทนการ

                     ถูกฟ้องคดี  ๑๔๖
                                กรณีที่เกิดการกระทำาความผิดตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายใน

                     ราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ และผู้ต้องหาไม่ยินยอมที่จะเข้ารับการอบรม แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้วิธีที่
                     ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพื่อบีบบังคับให้ยินยอมเข้ารับการอบรม เท่ากับเป็นการบีบบังคับให้ยอมรับว่า

                     ได้กระทำาความผิดตามที่ถูกกล่าวหาซึ่งอาจไม่เป็นความจริง การกระทำาดังกล่าวนอกจากเป็นการ
                     กระทำาที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๔๐ (๔) ที่บัญญัติ

                     คุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาในการที่จะไม่ให้ถ้อยคำาเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเองตามกฎหมายภายใน
                     ประเทศแล้ว ยังไม่ชอบตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง

                     ข้อ ๑๔ (๓) (ช) สิทธิที่จะไม่ถูกบังคับให้เบิกความเป็นปรปักษ์ต่อตนเอง หรือให้รับสารภาพผิด ดังนั้น






                     ๑๔๖  สำานักข่าวอิศรา,(ออนไลน์),๑๘ มกราคม ๒๕๕๖.แหล่งที่มา  http://www.asia.muslimthaipost.com/content.
                         php?page=sub&category=91&id=9877
   190   191   192   193   194   195   196   197   198   199   200