Page 95 - โครงการศึกษาวิจัย เรื่อง สิทธิชุมชนและผลกระทบโครงการพัฒนาภาคใต้
P. 95

๘๑







                  ๖๐,๐๐๐-๑๐๐,๐๐๐ DWT ได้ครั้งละ ๒ ลํา ส่วนท่ารอง ตัวท่ามีขนาดกว้าง ๒๕ เมตร ยาว ๒๔๕ เมตร
                  ระดับน้ําลึก ๘-๑๑ เมตร สามารถจอดเรือขนาด ๒๐,๐๐๐ DWT ได้ครั้งละ ๒ ลํา


                             สําหรับโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ําลึกแห่งใหม่ของเครือสหวิริยาที่ชาวบ้าน
                  ร้องเรียน เป็นการขยายท่าเรือเพิ่มเพื่อที่จะรองรับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเหล็กและอุตสาหกรรม

                  ต่าง ๆ ภายใต้แผนพัฒนาชายฝั่งทะเลตะวันตก ปัจจุบันนั้นยังไม่มีการดําเนินโครงการท่าเรือใหม่ มี

                  เพียงแต่โครงการขุดทางระบายน้ําออกทะเลของคลองแม่รําพึงแห่งใหม่ของกรมชลประทาน ซึ่งคาดว่า
                  น่าจะเกี่ยวข้องกับเส้นทางขนส่งถ่านหินทางเรือเพื่อเชื่อมไปยังพื้นที่เตรียมจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม โดย

                  จะมีการขุดทางระบายน้ําเพื่อออกทะเลของคลองแม่รําพึงแห่งใหม่ ด้วยการขุดลอกและขยายคลองเป็น

                  ขนาด ๑๐๐ เมตร และขยายพนังริมคลองอีกประมาณ ๒๐ เมตร และขุดคลองระบายน้ําใหม่ยาว
                  ประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ลงสู่ชายหาดบริเวณบ้านท่ามะนาว


                             ชาวบ้านได้ออกมาคัดค้านโครงการขุดลอกทางระบายน้ํา เนื่องจากคาดว่า
                  โครงการจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการท่าเรือแห่งใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านได้รับผลกระทบจากการสร้าง

                  ท่าเรือเดิมที่ทําให้อ่าวเทียนซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสําคัญของอําเภอบางสะพานเปลี่ยนสภาพไปจากการ

                  กัดเซาะชายฝั่ง และการขุดขยายร่องน้ําก็จะทําให้ชาวบ้านต้องสูญเสียที่ดิน รวมทั้งกรมทรัพยากรทาง
                  ทะเลและชายฝั่งก็ได้มีความเห็นต่อกรณีนี้ว่า การระบายน้ําจากการขุดลอกคลองลงสู่ชายฝั่ง จะทําให้

                  ระบบนิเวศของคลองเปลี่ยนไปและส่งผลต่อป่าชายเลนและป่าพรุแม่รําพึงที่ปกติได้รับน้ํากร่อยตาม

                  ธรรมชาติผ่านคลองแม่รําพึง นอกจากนี้จะทําให้มีของเสียและธาตุอาหารเพิ่มขึ้น คุณภาพน้ําชายฝั่งจะมี
                  การเปลี่ยนแปลง และส่งผลกระทบต่อความสวยงามของหาดทรายธรรมชาติซึ่งเป็นที่ท่องเที่ยวสําคัญ

                  รวมทั้งส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังการประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง ทั้งนี้การดําเนินโครงการควรจัดให้มี

                  กระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียก่อน จากการรวมตัวกันคัดค้านตลอด
                  มาของชาวบ้านทําให้จนกระทั่งปัจจุบันโครงการก็ยังไม่สามารถดําเนินการ


                               ๔)  โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินทับสะแก

                             โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินทับสะแก อําเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้

                  ริเริ่มดําเนินโครงการขึ้นในระยะเวลาเดียวกันกับโรงไฟฟ้าถ่านหินบ่อนอกและบ้านกรูด ปี พ.ศ. ๒๕๓๘

                  โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้เข้ามาซื้อที่ดินในตําบลนาหูกวาง อําเภอทับสะแก เนื้อที่
                  ประมาณ ๔,๑๔๒ ไร่ ในวงเงินสูงถึง ๒,๐๐๐ ล้านบาท และวางแผนที่จะเริ่มก่อสร้างใน ปี พ.ศ. ๒๕๕๓

                  ด้วยกําลังการผลิตเริ่มต้น ๒,๘๐๐ เมกะวัตต์ จาก ๔ หน่วยการผลิต หน่วยละ ๗๐๐ เมกะวัตต์ เพื่อที่จะ

                  เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเข้าสู่ระบบในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ และตั้งเป้าหมายที่จะขยายให้เป็นโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุด
                  ในเอเชียด้วยกําลังการผลิต ๔,๐๐๐ เมกะวัตต์ โดยใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ๒๔,๗๐๔ ตันต่อวัน และมี

                  ความต้องการใช้น้ํา ๔๙๘,๖๐๑ ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100