Page 202 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 202

การถูกคุมขังเดี่ยว  สภาพแวดล้อมทางเรือนจำาที่ไม่ดีการขาดโอกาสในการศึกษา  หรือการไม่ได้
                     เข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการ

                                              โดยอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน  และการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่น

                     ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำายีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and Other Cruel,
                     Inhuman or Degrading Treatment or Punishment : CAT) มีความเชื่อว่าการประหารชีวิต
                     เป็นการลงโทษที่มีความโหดร้ายที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน  โดยการลงโทษประหารชีวิตเด็ก

                     และเยาวชนเป็นสิ่งที่ต้องห้ามโดยเด็ดขาด  นอกจากนี้  การประหารชีวิตเป็นการลงโทษที่เป็น

                     การกระทำาที่มีความโหดร้าย  ไร้มนุษยธรรม  โดยพิจารณาจากสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับ
                     นักโทษประหาร  นับตั้งแต่การรอการพิจารณาคดี  สภาพแวดล้อมขณะถูกควบคุมตัวซึ่งมี
                     ผลกระทบต่อสภาพร่างกายและสภาพจิตใจของนักโทษประหาร รวมทั้งวิธีการประหารชีวิตที่แสดง

                     ให้เห็นถึงความโหดร้ายทารุณ ดังนั้น การประหารชีวิตจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมีการนำามาใช้ในการปฏิบัติ

                     ต่อผู้กระทำาผิด (Juan E. Mendez, 2012)
                                              ดังนั้น  ประเทศไทยจึงควรมีการยกเลิกโทษประหารชีวิต  เนื่องจาก
                     การลงโทษประหารชีวิตเป็นการลงโทษที่มีความโหดร้ายที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

                     อันเป็นการกระทำาที่ขัดต่ออนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย

                     ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำายีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman
                     or Degrading Treatment or Punishment : CAT) ประกอบกับปัจจุบันประเทศไทยได้มีการ
                     ว่างเว้นจากการบังคับใช้โทษประหารชีวิตมาเป็นระยะเวลา ๔ ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ดังนั้น

                     ถ้าหากสามารถทำาให้ว่างเว้นจากการประหารชีวิตไปได้ครบ ๑๐ ปี จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๖๓ จะถือว่า

                     ประเทศไทยได้มีการพักการใช้โทษประหารชีวิต  จึงควรมีการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายดำาเนินการ
                     ให้มีการพักการใช้โทษประหารชีวิตในทางปฏิบัติ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๓ ถึง พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้ครบ ๑๐ ปี
                     ซึ่งจะถือว่าประเทศไทยได้มีการพักการใช้โทษประหารชีวิตอย่างแท้จริง  อันจะเป็นก้าวสำาคัญ

                     ที่จะนำาไปสู่การยกเลิกกฎหมาย  ในส่วนที่เกี่ยวกับโทษประหารชีวิตต่อไป  สำาหรับแนวโน้ม

                     ความเป็นไปได้ในการพักการใช้โทษประหารชีวิตในทางปฏิบัติ  ตั้งแต่  พ.ศ.  ๒๕๕๓  จนกระทั่งถึง
                     พ.ศ.  ๒๕๖๓  รวมระยะเวลา  ๑๐  ปี  จะมีความเป็นไปได้ขึ้นอยู่กับนโยบายที่สำาคัญของการเมือง
                     ในแต่ละยุคสมัยที่ให้ความสำาคัญต่อการสร้างความสงบสุขให้แก่สังคม  เพื่อแก้ไขปัญหา

                     อาชญากรรมโดยสามารถทำาให้อาชญากรรมลดลง  หรือนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำาคัญ

                     ต่อการยกเลิกโทษประหารชีวิตเป็นสำาคัญ
                                        ๓.๒) ดำ�เนินก�รผลักดันให้มีก�รยกเลิกโทษประห�รชีวิตในคว�มผิด
                     ทุกประเภทและในกฎหม�ยของไทยทุกฉบับ

                                              จะต้องมีการดำาเนินการผลักดันให้มีการยกเลิกโทษประหารชีวิต

                     ในความผิดทุกประเภทและในกฎหมายของไทยทุกฉบับ  เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมต่อการ
                     ยกเลิกการใช้โทษประหารชีวิตอย่างแท้จริง  เนื่องจากแม้ปัจจุบัน  ข้อกำาหนดของรัฐธรรมนูญ






                                                                       โทษประหารชีวิตในประเทศไทย 189
   197   198   199   200   201   202   203   204   205   206   207