Page 197 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 197
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มีการพัฒนาเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ของประชาชนชาวไทยมากขึ้น รวมทั้งการคุ้มครองสิทธิของผู้กระทำาผิดที่จะไม่ต้องได้รับโทษ
ที่มีความโหดร้ายทารุณ เพื่อความเจริญที่เทียบเท่านานาอารยะประเทศ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทย
ได้มีการกำาหนดการบังคับใช้โทษประหารชีวิตในกฎหมายฉบับอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงมีความขัดแย้ง
ต่อรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญาและ
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลง
การประหารชีวิตด้วยการยิงเป้ามาเป็นการฉีดสารพิษในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยประเทศไทยได้มีการ
ดำาเนินการประหารชีวิตนักโทษเด็ดขาดไปแล้วจำานวนทั้งสิ้น ๓๒๕ ราย และมีการดำาเนินการ
ประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษเข้าสู่ร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญาที่แก้ไขใหม่แล้ว
๒ ครั้ง เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๔๖ และวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๒ เป็นจำานวนทั้งสิ้น ๖ ราย
อีกทั้งจากข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๕๒ ประเทศไทยยังมีนักโทษประหารชีวิต
ที่กำาลังรอการถูกลิดรอนสิทธิในการมีชีวิตอยู่ในเรือนจำาอีก ๘๑๐ ราย
ปัจจุบันประเทศต่าง ๆ ส่วนใหญ่ทั่วโลกได้มีการยกเลิกการใช้โทษประหารชีวิต
อันส่งผลให้ประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ยังคงใช้โทษประหารชีวิตเป็นโทษสูงสุด
จึงจำาเป็นต้องพิจารณาทบทวนถึงการใช้โทษประหารชีวิตดังกล่าว หากแต่จากผลการทบทวน
วรรณกรรมได้แสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไทยยังคงเห็นด้วยกับการใช้
โทษประหารชีวิต เนื่องจากเห็นว่าหากประเทศไทยยังไม่มีความพร้อมในการป้องกันแก้ไขปัญหา
อาชญากรรมที่กำาลังทวีความรุนแรงมากขึ้นในประเทศ การใช้โทษประหารชีวิตยังคงเป็นสิ่งที่
มีความจำาเป็นสำาหรับประเทศไทย เพื่อเป็นการป้องปรามอาชญากรรมที่กำาลังจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทัศนะของประชาชนอีกส่วนหนึ่งกลับเห็นว่าประเทศไทยควรมีการยกเลิก
การใช้โทษประหารชีวิตอย่างถาวร เพราะโทษประหารชีวิตไม่สามารถป้องปรามอาชญากรรมได้
รวมทั้งประเทศไทยเป็นประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งการประหารชีวิต
เป็นการกระทำาที่ผิดศีลข้อที่ ๑ ของพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ จากผลการศึกษาที่เกี่ยวข้อง
กับนักโทษประหารชีวิตในประเทศไทยได้มีข้อมูลส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ลักษณะที่สำาคัญ
ของนักโทษประหารในประเทศไทยส่วนหนึ่งมีพฤติกรรมการกระทำาผิดที่พลั้งพลาดหลงผิด ไม่ได้
เป็นผู้ที่มีลักษณะความเป็นอาชญากรอย่างแท้จริง การใช้โทษประหารชีวิตกับบุคคลดังกล่าว
อาจไม่มีความเหมาะสมและหากเกิดความผิดพลาดในการนำาผู้บริสุทธิ์มาประหารชีวิต อาจจะทำาให้
ไม่สามารถแก้ไขได้เลย
แม้ปัจจุบันประเทศไทยจะยังคงมีโทษประหารชีวิต แต่ในทางปฏิบัติมีแนวโน้ม
ที่จะชะลอหรือพักการประหารชีวิต โดยภายหลังจากที่ประเทศไทยได้มีการประหารชีวิต
ในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ หลังจากนั้นเป็นระยะเวลาเกือบ ๔ ปี จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ประเทศไทย
ยังไม่ได้มีการประหารชีวิตแต่ประการใด ดังนั้น หากประเทศไทยจะยกเลิกโทษประหารชีวิต
ในอนาคต อาจจะเป็นแนวทางหนึ่งที่สำาคัญต่อการพัฒนากระบวนการยุติธรรม และเป็นการ
184 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ