Page 181 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 181
โดยไม่คำานึงถึง สถานภาพ ชาติพันธุ์ ศาสนา และสถานะทางกฎหมาย เป็นสิทธิที่ไม่อาจพรากไป
จากบุคคลได้ แต่การจะใช้โทษประหารชีวิตย่อมมีความเสี่ยงที่จะเกิดการเลือกปฏิบัติ เพราะส่วนใหญ่
ของนักโทษที่ถูกประหารชีวิต คือ คนยากจน คนด้อยโอกาสซึ่งไม่สามารถจ้างทนายความที่มีฝีมือ
เพื่อแก้ต่างให้กับตนเองได้ หรือเป็นคนเชื้อชาติ ผิว หรือสถานะทางสังคมกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
โดยเฉพาะ แสดงให้เห็นว่าโทษประหารชีวิตได้ถูกนำามาใช้แบบเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ ผิว
และสถานะทางสังคม
นอกจากนี้ การใช้โทษประหารชีวิตยังมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาด โดยอาจถูก
นำาไปใช้กับผู้บริสุทธิ์ เพราะระบบยุติธรรมไม่ว่าในประเทศใด อาจมีความผิดพลาดได้ในทุกขั้นตอน
ของกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น หากมีการประหารชีวิตไปแล้วก็จะไม่สามารถเรียกชีวิตกลับคืน
มาได้ แม้ต่อมาภายหลังจะปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกประหารชีวิตนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ก็ตาม
ที่สำาคัญมีงานวิจัยหลายเรื่องที่ชี้ให้เห็นว่า โทษประหารชีวิตไม่มีผลในการข่มขู่ ยับยั้ง
ที่ทำาให้คนเกรงกลัวและไม่กล้ากระทำาผิด เพราะโทษที่หนักจะมีผลในการยับยั้งต่อเมื่อการบังคับใช้
กฎหมายมีความแน่นอนรวดเร็ว และเสมอภาค ดังนั้น โทษประหารชีวิตจึงมีผลต่อการยับยั้ง
การกระทำาผิดของบุคคลทั่วไป (ซึ่งไม่ทำาผิดอยู่แล้ว) แต่ไม่มีผลในการยับยั้งผู้ร้าย หรือผู้กระทำาผิด
ที่เป็นอาชญากรอาชีพ มีความชำานาญและตัดสินใจทำาผิดเพราะคิดว่าตัวเองหลุดรอด หรือ
ผู้กระทำาผิดที่มีความโหดเหี้ยมทารุณ ซึ่งกระทำาไปแบบไม่ได้คิดไตร่ตรอง หรือมีข้อจำากัดในการคิด
ไตร่ตรอง เนื่องจากถูกครอบงำาจากสภาพแวดล้อมหรือสิ่งเสพติด
ในขณะที่แนวโน้มของการใช้โทษประหารชีวิตในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก มีจำานวนลดลงอย่าง
ต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ประเทศส่วนใหญ่ได้ยุติการประหารชีวิตไปแล้ว ทั้งในทางกฎหมาย
และทางปฏิบัติ ๑๔๐ ประเทศ โดยมี ๙๗ ประเทศ ยกเลิกโทษประหารสำาหรับความผิดทางอาญา
ทุกประเภท ๘ ประเทศ ยกเลิกโทษประหารสำาหรับความผิดอาญาทั่วไปเท่านั้น และ ๓๕ ประเทศ
ยกเลิกโทษประหารในทางปฏิบัติ ในขณะที่มีเพียง ๕๘ ประเทศ ที่ยังคงมีบทลงโทษประหารชีวิต
โดยในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนนั้น มี ๒ ประเทศที่ยกเลิกโทษประหารชีวิตในทางกฎหมาย ได้แก่
ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา
แนวความคิดของฝ่ายนี้จึงต้องการให้มีการยกเลิกโทษประหารชีวิตโดยทันที โดยการ
ออกกฎหมายหรือแก้ไขกฎหมายยกเลิกโทษประหารชีวิต
ฝ่�ยที่ ๕ ฝ่�ยยกเลิกโทษประห�รชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไป
โดยที่ฝ่ายที่ต้องการให้มีการยกเลิกโทษประหารชีวิตในประเทศ ได้ตระหนักถึงแรงต้าน
จากสาธารณชนที่ไม่เห็นด้วยและคัดค้านอย่างหนักต่อการยกเลิกโทษประหารชีวิต ดังนั้น
การเคลื่อนไหวของฝ่ายนี้จึงหันไปเน้นที่ฝ่ายการเมือง รัฐบาล และองค์กรภาครัฐ เพราะการยกเลิก
โทษประหารชีวิตจะต้องดำาเนินการโดยรัฐสภาหรือกลไกผลักดันของรัฐบาล ขณะเดียวกัน
ก็ยอมรับในความเป็นไปได้ของการยกเลิกโทษประหารชีวิตว่าจะต้องดำาเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป
168 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ