Page 131 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 131
๑. การลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทนมุ่งกระทำาเพื่อโต้ตอบการกระทำาที่ผิดกฎหมาย
แต่การแก้แค้นเป็นการโต้ตอบการกระทำาที่ทำาให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ
หรือได้รับความเสียหายโดยไม่คำานึงว่าการกระทำาที่ก่อให้เกิดความเสียหาย
แก่ตนนั้นจะเป็นความผิดหรือไม่
๒. การแก้แค้นเพื่อทดแทนจะต้องได้สัดส่วนที่เหมาะสมกับความหนักเบา
ของความผิด แต่การแก้แค้นนั้นไม่มีข้อจำากัด ขึ้นอยู่กับความพอใจของ
ผู้แก้แค้นว่าจะกระทำาให้ผู้ถูกแก้แค้นได้รับความเสียหายอย่างไรจึงจะสาแก่ใจ
๓. การแก้แค้นเป็นเรื่องส่วนตัวในลักษณะที่ว่าผู้แก้แค้นจะต้องมีความสัมพันธ์
กับคนที่ได้รับความเสียหายและผู้ถูกแก้แค้น แต่การลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทน
ผู้มีอำานาจลงโทษซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐไม่ต้องมีความสัมพันธ์กับผู้กระทำาผิด
หรือผู้เสียหายแต่อย่างใด
๔. การแก้แค้นเป็นเรื่องความรู้สึกในใจของผู้แก้แค้นที่พอใจกับการที่ผู้ถูกแก้แค้น
ได้รับจากการทรมานหรือความเสียหายที่ได้รับ โดยผู้แก้แค้นจะทิ้งร่องรอย
การแก้แค้นให้ทราบ ในขณะที่การลงโทษโดยการแก้แค้นทดแทนจะไม่ทิ้ง
ร่องรอยดังกล่าว
๕. การแก้แค้นอาจเกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้ว อาจมีการแก้แค้นในครั้งต่อ ๆ ไป ในขณะที่
การลงโทษแก้แค้นทดแทนมีกฎหมายเป็นหลักประกันว่าจะไม่มีการลงโทษ
ผู้กระทำาผิดอีก หากผู้กระทำาผิดไม่ได้กระทำาผิดขึ้นมาอีก (วิชัย เดชชุติพงศ์,
๒๕๕๕)
สรุปได้ว่า ทฤษฎีการลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทนเป็นทฤษฎีที่นำามาอธิบาย
ความชอบธรรมในการลงโทษผู้กระทำาผิด เพื่อเป็นการสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้เสียหาย
และสังคม โดยที่ผู้เสียหายไม่ต้องเป็นฝ่ายแก้แค้นด้วยตนเอง หากแต่รัฐเป็นผู้ที่ดำาเนินการลงโทษ
เพื่อเป็นการสร้างความชอบธรรมให้ อันเป็นการสร้างความสงบเรียบร้อยและความเป็นธรรมให้แก่รัฐ
๒. ทฤษฏีอรรถประโยชน์ (Utilitarian Theory)
ทฤษฎีอรรถประโยชน์มองลักษณะของสังคมมนุษย์และกฎหมายอาญาว่า
มีลักษณะสำาคัญ ๓ ประการ คือ
• มนุษย์พยายามแสวงหาความพอใจและหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด
• สังคมควรจะมีการดำาเนินการตามหลักประโยชน์สูงสุดเพื่อมวลสมาชิก
จำานวนสูงสุด หรือส่วนใหญ่ของสังคม
• ในส่วนของกฎหมายอาญา การพิจารณาความร้ายแรงของความผิดแต่ละฐาน
ควรพิจารณาจากความเสียหายซึ่งกระทำาต่อสังคม
118 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ