Page 128 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 128
และต้องการให้สังคมสงบสุขอย่างแท้จริง ซึ่งหนทางในการทำาให้ทุกคนเป็นคนดี คือ การให้โอกาส
ผู้ที่เคยกระทำาผิด หรือมีความพลาดพลั้งได้มีโอกาสในการกลับตัวเป็นคนดี หากสามารถทำาให้คน
กระทำาผิดเกิดความสำานึกผิดและกลับตัวเป็นคนดีได้ สังคมจะสงบสุขได้อย่างแท้จริง
๒.๕.๒ หลักก�รรักษ�คว�มสงบเรียบร้อยและคว�มเป็นธรรมในสังคม
ความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของรัฐจะเกิดขึ้นได้ โดยสมาชิกของสังคม
จะต้องมีกติกาของการอยู่ร่วมกัน โดยกติกาหรือข้อตกลงของคนในสังคมมีไว้เพื่อให้ผู้คนเคารพ
และปฏิบัติตาม ซึ่งหากผู้ใดละเมิดกติกาข้อตกลงของสังคมจะต้องถูกลงโทษเพื่อทำาให้สังคม
มีความสงบเรียบร้อยเป็นสำาคัญ โดยกฎหมายเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สำาคัญในการจัดระเบียบ
ให้กับสังคมและกำาหนดหน้าที่ของสมาชิกในสังคมในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
ของสังคม โดยกฎหมายจะต้องรับประกันให้บุคคลมีสิทธิและเสรีภาพในการดำารงชีวิต นอกจากนี้
กฎหมายจะต้องสร้างความสมดุลระหว่างการรักษาความสงบเรียบร้อยของคนในสังคม และรับประกัน
สิทธิเสรีภาพของคนในสังคมควบคู่กันด้วย ซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำาหนดบทลงโทษที่รุนแรง
จะมีส่วนสำาคัญในการรักษาความสงบและเรียบร้อยในสังคม เนื่องจากอาจเป็นมาตรการที่สำาคัญ
ในการทำาให้คนในสังคมมีความรู้สึกเกรงกลัวไม่กล้ากระทำาผิด
สำาหรับข้อกำาหนดทางกฎหมายที่สำาคัญต่อการรักษาความสงบเรียบร้อย
และความเป็นธรรมในสังคม ได้แก่ การกำาหนดบทลงโทษสำาหรับผู้ที่ละเมิดกติกาข้อตกลงร่วมกัน
ของสมาชิกในสังคม ซึ่งการลงโทษดังกล่าวจะต้องเป็นการลงโทษที่มีความสาสมกับความผิด
เพื่อทำาให้ผู้กระทำาผิดได้ชดใช้ในสิ่งที่ตนเองได้กระทำาลงไป ทำาให้เหยื่อหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหยื่อ
อาชญากรรมไม่ไปติดตามแก้แค้นผู้กระทำาผิด หรือทำาให้เหยื่ออาชญากรรมเห็นว่ามีความเหมาะสม
กับพฤติกรรม หรือความรุนแรงของอาชญากรรมที่ผู้กระทำาผิดได้กระทำาลงไป อันทำาให้สังคม
ไม่เกิดความเดือดร้อนวุ่นวาย รวมทั้งเพื่อให้ผู้กระทำาผิดเกิดความเกรงกลัวไม่ต้องการที่จะ
กระทำาผิดอีก อันเป็นการข่มขู่ ยับยั้งป้องกันพฤติกรรมของผู้กระทำาผิด และการข่มขู่ยับยั้งบุคคล
โดยทั่วไปในสังคมให้เกรงกลัวต่อการกระทำาผิด อันเป็นการสร้างความสงบสุขและการรักษา
ความเรียบร้อยของสังคมเป็นสำาคัญ
ทฤษฎีการลงโทษโดยรัฐเพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยและความ
เป็นธรรมในสังคม แบ่งออกเป็น ๒ ทฤษฎีที่สำาคัญ คือ ทฤษฎีแก้แค้นทดแทน (Retributive
Theory) และทฤษฎีอรรถประโยชน์ (Utilitarian Theory) โดยเป็นทฤษฎีซึ่งมุ่งที่ความรับผิดชอบ
ที่ผู้กระทำาผิดจะต้องมีต่อผู้เสียหายหรือต่อผู้อื่นในสังคม กับผลของการลงโทษแก่ผู้กระทำาผิด
ที่มีต่อผู้อื่น ทั้งนี้ เพราะพื้นฐานการลงโทษตามทฤษฎีทดแทนมุ่งพิจารณาถึงการที่ผู้กระทำาผิด
จะต้องชดใช้ (paid) ต่อสิ่งที่ผู้กระทำาผิดได้กระทำาลงไป ในขณะที่พื้นฐานการลงโทษตามทฤษฎี
อรรถประโยชน์เน้นที่วิธีการป้องกันมิให้ผู้กระทำาผิดและบุคคลอื่น ๆ ได้กระทำาผิดขึ้นอีกในอนาคต
ดังนี้
โทษประหารชีวิตในประเทศไทย 115