Page 704 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 704
“เจ้าหน้าที่ของรัฐ” หรือ “หน่วยงานของรัฐ” สองค านี้ควรให้ชัดเจนไปเลย เพื่อให้เห็นว่า
ต้องมีหน้าที่ คือเกี่ยวข้องกับการที่เรียกให้ส่งข้อมูล เรียกมาให้ถ้อยค า
ั
ซึ่งข้อสรุปของความคิดเห็นต่อปญหาเกี่ยวกับการตีความด้านนี้ นักวิชาการที่ให้
สัมภาษณ์ เห็นไปในทางเดียวกันว่า “สามารถระบุ หรือเปลี่ยนแปลงให้ชัดเจนขึ้นได้”
เพื่อจะได้ไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น
ั
2) ปญหาการตีความเกี่ยวกับ “สาระของค าร้อง” หรือกรณีที่คณะกรรมการสิทธิ
มนุษยชนแห่งชาติมีอ านาจรับไว้พิจารณาตรวจสอบ เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่มี
บทบัญญัติที่กล่าวถึงค าว่า ”สิทธิมนุษยชน” และการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนไว้
โดยตรง แม้ว่ามาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
พ.ศ. 2542 จะได้บัญญัติถึงนิยามของค าว่า “สิทธิมนุษยชน” ไว้ แต่ก็ไม่สามารถ
สร้างความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับความหมายของค าต่างๆ เหล่านี้ จึงท าให้
ขอบเขตของการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยคณะกรรมการสิทธิ
มนุษยชนแห่งชาติ ยังขาดความชัดเจน
ั
3) ปญหาข้อจ ากัดในการรับค าร้องไว้พิจารณา ทั้งนี้ตามมาตรา 22 แห่ง
พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542 บัญญัติว่า “ใน
กรณีที่มีการกระท าหรือการละเลยการกระท าอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและ
้
มิใช่เป็นเรื่องที่มีการฟองร้องเป็นคดีอยู่ในศาล หรือที่ศาลพิพากษาหรือมีค าสั่ง
เด็ดขาดแล้ว ให้คณะกรรมการมีอ านาจตรวจสอบและเสนอมาตรการการแก้ไข” แต่
ั
ในทางปฏิบัติปรากฏว่า มีปญหาในการบังคับใช้และตีความมาตรา 22 เนื่องจาก
เรื่องที่มีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีประเด็นที่แตกต่าง
้
จากเรื่องที่มีการฟองร้องเป็นคดีอยู่ในศาล และยังอาจอาศัยเป็นเหตุอ้างของ
ผู้เกี่ยวข้อง ในการปฏิเสธการมาชี้แจงข้อเท็จจริงหรือส่งเอกสาร หลักฐานต่อ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
4) ขาดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการรับค าร้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ว่าเรื่องใดเป็น
ั
ปญหาเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่อยู่ภายใต้อ านาจตรวจสอบของ
คณะกรรมการการรับค าร้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการสิทธิ
มนุษยชนแห่งชาติเป็นไปอย่างกว้างขวาง ไม่มีหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่ชัดเจน
ในการรับและการปฏิเสธไม่พิจารณาค าร้อง
- 585 -

