Page 698 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 698
ข้อเสนอแนะออกมา ดังนั้น จึงเสนอว่าในระหว่างการตรวจสอบก็ควรจะมีการ
ด าเนินการไกล่เกลี่ยด้วย เพื่อให้ยุติเรื่องโดยเร็วที่สุด ซึ่งคณะกรรมการสิทธิ
มนุษยชนในประเทศที่เจริญแล้ว พบว่า ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการเจรจาไกล่เกลี่ย
เป็นหลัก มากกว่าการรอรายงานผลการตรวจสอบ
เขียนรายงานผลการตรวจสอบให้มีคุณภาพที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ และเสนอ
ั
มาตรการแก้ไขปญหาที่สามารถปฏิบัติตามได้จริง
แนวคิดการแก้ไขปัญหา
ั
เนื่องจากผลการประเมินที่พิจารณาว่า ปญหาส าคัญไม่ได้อยู่ที่ข้อกฎหมาย
ั
หากแต่ขึ้นอยู่กับปจจัยส าคัญ 2 ส่วนคือ คุณภาพของรายงาน และกระบวนต่างๆ
ั
ั
ภายหลังจากตรวจสอบเสร็จแล้ว ดังนั้นแนวคิดเกี่ยวกับการแก้ไขปญหา จึงเน้นที่ปจจัย
ส าคัญทั้ง 2 ส่วนข้างต้นเป็นส าคัญ ประกอบด้วย
1. สิ่งส าคัญที่ท าให้ผลการตรวจสอบมีน ้าหนักน้อยคือ การขาดระบบติดตามที่ดี
นั่นคือ ระบบแบบคู่ขนาน ในที่นี้หมายถึง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในฐานะผู้
ร้อง ผู้ถูกร้อง หรือผู้น าไปใช้ประโยชน์ รวมทั้ง กสม. จะต้องตั้งทีมงานมา
ท างานร่วมกัน เพื่อให้เกิดผลตามมติของรายงานการตรวจสอบ
2. ร่วมมือกับเครือข่าย และผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านต่างๆ มาจับมือร่วมกัน เพื่อ
ท า Blacklist กดดันหน่วยงาน/องค์กร ที่ไม่ท าตามรายงาน รวมถึงการ
วางแผนยุทธศาสตร์ร่วมกันเพื่อให้การออกรายงาน และการติดตามมีน ้าหนัก
มากขึ้น
3. กลไกอื่นที่น่าจะน ามาใช้ได้และอยู่ในอ านาจหน้าที่โดยตรงของ กสม. นั่นคือ
การตรวจสอบ และการเขียนรายงาน ให้มีน ้าหนักมากขึ้น เพราะผู้ร้อง
สามารถน ารายงานไปใช้ประกอบชั้นศาลได้
4. กสม. ไม่ใช่องค์กรตุลาการไม่สามารถพิพากษาได้ การที่จะท าให้รายงานผล
การตรวจสอบมีความศักดิ์สิทธิ์นั้น ขึ้นอยู่กับกระบวนการตรวจสอบ
ข้อเท็จจริง การหาพยาน หลักฐาน จะต้องครอบคลุมรอบด้าน และ
่
อนุกรรมการกับฝายเลขานุการต้องเข้มแข็ง รวมถึงการเชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้
ค าปรึกษาด้วย
- 579 -

