Page 642 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 642
ั
ข้อมูลจากการให้สัมภาษณ์บางส่วนสะท้อนให้เห็นถึง ปญหาด้านระเบียบปฏิบัติ
ข้อก าหนด ที่ยืดหยุ่นกับคณะอนุกรรมการ จนส่งผลกระทบต่อกระบวนการท างาน ความเชื่อมั่น
และทัศนคติของเจ้าหน้าที่ที่มีต่อคณะอนุกรรมการบางท่านที่ร่วมงานด้วย ดังเช่น
ั
ั
เจ้าหน้าที่ “ปญหาที่พบอีกอย่างในปจจุบันคือ บางครั้งอนุกรรมการรับส านวนมาเอง และมองว่า
ส านวนนี้เร่งด่วนกว่า ซึ่งส่งผลให้ส านวนที่ไม่เร่งด่วนถูกตีตกไป แล้วส านวนด่วนก็ประชุม 2
ครั้ง ใน 1 เดือน ก็หมายความว่าในเรื่องนั้นท าส านวนเร่งด่วนเรื่องเดียว”
“อนุกรรมการเป็นองค์ความรู้ที่ดี ถ้าอนุกรรมการไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงนะ มันมี
ผลประโยชน์แอบแฝงด้วย เช่น เขาก็อาศัยส านวนเราเป็นฐานในการหาผลประโยชน์แอบ
แฝง เช่น ทนาย คล้ายๆ เขามาหาลูกความก็มียกตัวอย่างนะ”
“บางท่านมีเวลาน้อย มาบ้างไม่มาบ้าง ประชุมบ่ายโมง มาบ่ายสามก็มี”
2.2 เจ้าหน้าที่
ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร แสดงให้เห็นถึงขอบเขตหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ส านักงาน
่
ในฐานะฝายปฏิบัติการเพื่อให้การสนับสนุนคณะอนุกรรมการฯ โดยในกระบวนการตรวจสอบกลุ่ม
่
เจ้าหน้าที่ (ฝายเลขานุการของแต่ละคณะอนุกรรมการ) มีหน้าที่ด าเนินการทุกขั้นตอน โดยมี
คณะอนุกรรมการเป็นผู้ก ากับดูแล ให้ความคิดเห็นในแต่ละขั้นตอน อย่างไรก็ตามพบว่า บาง
คณะอนุกรรมการต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบด้วยตนเอง เช่นกรณีลงพื้นที่ตรวจสอบ
ซึ่งลักษณะดังกล่าวส่วนหนึ่งมีเหตุผลมาจากประสบการณ์ ศักยภาพของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้จากค าให้
สัมภาษณ์ของผู้บริหาร กรรมการ และอนุกรรมการ ส่วนหนึ่งที่ระบุว่า
ผู้บริหาร “มันผิดหลักการตรงที่ว่า จริงๆแล้วเจ้าหน้าที่ของเราควรจะเป็นคนที่ชงเรื่องทั้งหมด โดย
๊
๊
หลักการ พอร้องเรียนปุป เข้าอนุฯปุปเจ้าหน้าที่ของเรา ควรจะเป็นมืออาชีพที่จัดการ
กับเคสนั้น ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ และมาเขียนร่างรายงาน เสนอ แล้ว อนุกรรมการ ก็ตรวจ
ร่างรายงาน ว่า ควรสอบเพิ่มในประเด็นไหน หรือให้ความคิดเห็นว่ายังไง แต่ตอนนี้เนี่ยบาง
อนุกรรมการลงไปตรวจสอบ ในพื้นที่เอง ซึ่งมันผิดหลักการ แต่อาจเป็นไปได้ว่า เค้ามองว่า
เจ้าหน้าที่เรายังไม่เป็นมืออาชีพพอ เพราะว่า เจ้าหน้าที่บางคนก็ยังไม่มีศักยภาพในการจะ
ไปท าตัวร่างรายงานตัวนี้ได้”
- 531 -

