Page 646 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 646
ั
ปจจัยส าคัญอีกประการที่อาจส่งผลต่อความช้า เร็ว ของกระบวนการตรวจสอบคือ
มาตรฐานการท างานที่แตกต่างกันของอนุกรรมการแต่ละคณะ ดังค าให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่
ท่านหนึ่งที่ระบุถึงประสบการณ์ในการท างานร่วมกับคณะอนุกรรมการ 2 คณะซึ่งมีแนวทางการ
ท างานที่แตกต่างกันระบุว่า
เจ้าหน้าที่ “เรื่องร้องทุกข์มีความซ ้าซ้อนกัน แต่การพิจารณากลั่นกรองแตกต่างกัน อาทิเช่น เรื่อง
ร้องเรียนเรื่องเดียวกัน แต่มีผู้มาร้องเรียน 2 กลุ่ม ซึ่งผู้ร้องเรียนกลุ่มที่หนึ่ง เรื่องร้องเรียน
ถูกส่งต่อให้คณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมือง ในขณะที่ผู้ร้องเรียนกลุ่มที่สอง เรื่อง
ร้องเรียนกลับถูกส่งต่อให้คณะอนุกรรมการด้านอื่น ซึ่งคณะอนุกรรมการทั้ง 2 คณะก็ต่างท า
หน้าที่ตรวจสอบของตนเอง และสุดท้ายผลตรวจสอบที่ได้ก็แตกต่างกัน จึงต้องให้ กสม. ชุด
ใหญ่พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เป็นต้น”
สอดคล้องกับค าให้สัมภาษณ์กรรมการท่านหนึ่ง ซึ่งระบุว่า
กรรมการ “ที่ผ่านมาเขาไม่ได้มีกลไกเร่งรัด ผมเองพยายามบอกว่าก าหนดสองเดือน สามเดือน หกสิบ
วัน ถ้าไม่เสร็จให้มีใครไปดูว่าขออนุญาตขยายเวลา คนดูแลขยายเวลาก็ต้องดูว่าคุณท ามา
แค่นี้ มีเหตุผลที่ต้องช้าขนาดนี้ไหม ขยายเวลามันไม่มีกลไกตรงนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่
..... การประชุมที่นี่ไม่เคยดูแลว่างานเข้ามาเมื่อไหร่เสร็จเมื่อไหร่ ไม่เคยดู ผมเท่านั้นที่ดู
ผมประชุมทุกเดือน แต่ละเดือนนี้ถึงพูดไปว่าของคุณมีกี่เรื่อง รับตั้งแต่วันนี้ ตั้งแต่ปีนี้ ของ
ผมมีค้างอยู่ของปี 53 สองสามเรื่อง ปี 54 มากอีกนิดหนึ่ง ปี 55 มากอีกนิดหนึ่ง”
ั
ส าหรับผลการส ารวจ ปญหา ข้อจ ากัดของกระบวนการพิจารณาเรื่องร้องเรียน จ าแนก
เป็น 2 กระบวนการคือ กระบวนการกลั่นกรอง และตรวจสอบ โดยในส่วนของกระบวนการ
ั
กลั่นกรองท าการส ารวจ 3 ด้าน พบว่าทุกด้านมีปญหาในระดับ “มาก” ค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 3.52
ั
ั
ถึง 4.00 ทั้งนี้ด้านที่มีค่าเฉลี่ยของปญหาสูงที่สุดคือ กรณีกรรมการขาดจุดยืน ไม่หยิบยกปญหา
เพราะกังวลเรื่องผลกระทบ รายละเอียดพิจารณาได้จากตารางที่ 7.12
- 535 -

