Page 517 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 517
-อย่างไรก็ตามการที่เป็นเพียงองค์กรเดียวในการท าหน้าที่รับคดีจาก
ั
ผู้เสียหายนั้นท าให้มีปญหาในด้านความล่าช้าในการด าเนินกระบวนการพิจารณาของศาล
เนื่องจากคดีมีมากเกินไป
-การที่เป็นเพียงองค์กรเดียวในการท าหน้าที่รับคดีอาจท าให้ผู้เสียหาย
ไม่ได้รับความสะดวกในการใช้บริการอย่างเท่าเทียมกัน
2) การบริหารจัดการองค์กร บุคลากร และทรัพยากร
(2.1) จุดแข็ง/จุดเด่น
-การคัดเลือกผู้พิพากษาของศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป ประกอบด้วยผู้
พิพากษาซึ่งมีจ านวนเท่ากับจ านวนของรัฐภาคีแห่งอนุสัญญา ซึ่งแต่ละรัฐภาคีมีสิทธิเสนอชื่อ
ผู้สมัครเข้าคัดเลือกเป็นผู้พิพากษาได้รัฐละ 3 คน
-จะมีตัวแทนของแต่ละรัฐภาคีของอนุสัญญา โดยจะมีการแบ่งตัวแทน
ของแต่ละรัฐภาคี ซึ่งแต่ละรัฐภาคีไม่จ าเป็นที่จะต้องส่งผู้ที่มีสัญชาติของรัฐภาคีนั้นๆ ก็ได้
-การคัดเลือกประธานและรองประธานศาล และประธานและรองประธาน
ของแผนก จะมีการคัดเลือกจากผู้พิพากษาโดยใช้บัตรลงคะแนนลับในการเลือกตั้งขึ้นมา
-มีการคัดเลือกผู้พิพากษาขึ้นมาท าหน้าที่เป็นนายทะเบียน ซึ่งจะท า
หน้าที่เป็นธุรการของศาลหรือเป็นผู้ช่วยของประธานศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป โดยจะต้องมี
บุคลิกลักษณะทีมีคุณธรรมสูง ต้องมีความรู้ความสามารถทางกฎหมาย และต้องมีความสามารถ
ทางด้านภาษา เนื่องจากผู้ที่ท าหน้าที่เป็นนายทะเบียนจะต้องมีความสามารถในการเป็นคนกลาง
ไกล่เกลี่ยและประนีประนอมได้
-โดยระยะเวลาด ารงต าแหน่งของผู้พิพากษาจะต้องด ารงต าแหน่ง
มากกว่า 6 ปี แต่ไม่มากเกินกว่า 9 ปี และจะต้องไม่น้อยกว่า 3 ปี
-ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเข้าเป็นผู้พิพากษาจะต้องมีความรู้ ความสามารถ หรือ
ประสบการณ์ในด้านกฎหมาย
-ผู้ที่เป็นผู้พิพากษาจะต้องท าหน้าที่ได้อย่างอิสระจากรัฐภาคีที่เสนอชื่อ
และปฎิบัติหน้าที่โดยไม่มีอคติ
(2.2) ปัญหาอุปสรรค
-ผู้พิพากษาของศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปก าหนดให้ไม่สามารถมีผู้ที่มี
สัญชาติเดียวกันด ารงต าแหน่งได้ ถึงแม้ว่าจะได้รับการเสนอชื่อจากรัฐภาคีอื่นก็ตาม
- 411 -

