Page 293 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 293

กฤษฎีกา ซึ่งต้องมีกรรมการกฤษฎีกามาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจ านวนกรรมการกฤษฎีกา

                  ทั้งหมด

                         การแบ่งกรรมการกฤษฎีกาออกเป็นคณะ การแต่งตั้งประธานกรรมการกฤษฎีกาแต่ละ

                  คณะ และการประชุมของกรรมการกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่ประธาน
                  คณะกรรมการกฤษฎีกาก าหนด

                         การลงมติวินิจฉัยข้อปรึกษา ให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการกฤษฎีกาคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่ง

                  ในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นได้อีกเสียงหนึ่ง

                  เป็นเสียงชี้ขาด

                         ตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. 2522

                         มาตรา  12  กรรมการกฤษฎีกามีวาระด ารงต าแหน่งคราวละสองปีนับแต่วันที่ทรงพระ

                  กรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งถ้ามีการแต่งตั้งกรรมการกฤษฎีกาขึ้นอีกในระหว่างที่กรรมการ

                  กฤษฎีกาซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในต าแหน่งไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งเพิ่มขึ้นหรือแต่งตั้งซ่อม

                  ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งนั้นอยู่ในต าแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการกฤษฎีกาซึ่งได้แต่งตั้งไว้
                  แล้วนั้น ผู้ที่พ้นจากต าแหน่งแล้วจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอีกก็ได้ให้กรรมการ

                  กฤษฎีกาซึ่งพ้นจากต าแหน่งตามวาระยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้จนกว่าจะมีพระบรมราชโองการ

                  แต่งตั้งกรรมการกฤษฎีกาขึ้นใหม่

                         มาตรา 13 ผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการกฤษฎีกาต้องเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในทาง

                  นิติศาสตร์รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรือการบริหารราชการแผ่นดินและต้องมี

                  คุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ (พระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. 2522)

                         (1) รับราชการหรือเคยรับราชการในต าแหน่งไม่ต ่ากว่าอธิบดีหรือเทียบเท่า

                         (2) รับราชการหรือเคยรับราชการในต าแหน่งไม่ต ่ากว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาตุลาการศาล

                  ปกครองสูงสุดหรือตุลาการพระธรรมนูญศาลทหารสูงสุด
                         (3)  เป็นหรือเคยเป็นอาจารย์สอนวิชากฎหมายในสถาบันการศึกษาของรัฐในระดับ

                  มหาวิทยาลัยมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี

                         (4) เคยเป็นกรรมการกฤษฎีกาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกา

                  พุทธศักราช 2476

                         (5) มีความรู้และเคยท างานในการร่างกฎหมายมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบปีและมีความ

                  ช านาญและความสามารถเป็นประโยชน์แก่งานของกรรมการกฤษฎีกา







                                                          - 244 -
   288   289   290   291   292   293   294   295   296   297   298