Page 292 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 292

ศาล แล้วเสนอค าวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลพิจารณาสั่งการตามแต่จะ

                  เห็นสมควร อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายให้พัฒนาคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ให้

                  ท าหน้าที่ศาลปกครองอย่างเต็มรูปแบบตามเจตนารมณ์เดิมในการตรากฎหมายว่าด้วย

                  คณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้ด าเนินการให้แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2538
                         ส่วนกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์นั้น จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตามค าแนะน า

                  ของคณะรัฐมนตรีและได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญทาง

                  นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ฯลฯ และมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายก าหนดไว้ โดยมีวาระการด ารงต าแหน่ง

                  คราวละสองปี และจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผู้ที่พ้นจากต าแหน่งแล้วอีกก็ได้

                         คณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์และคณะอนุกรรมการ มีโครงสร้างและอ านาจหน้าที่ ดังนี้

                  (อักขราทร จุฬารัตน, 2554)

                         1. คณะกรรมการ ประกอบด้วย ประธานกรรมการ 1 คน และกรรมการไม่น้อยกว่า 6 คน

                  ประธานและคณะกรรมการแต่งตั้งโดยพระบรมราชโองการ ด้วยความเห็นชอบของสภา

                  ผู้แทนราษฎร คุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งต้องเคยเป็นข้าราชการซึ่งด ารงต าแหน่งไม่ต ่า
                  กว่าหัวหน้ากองหรือเทียบเท่า และต้องไม่เป็นข้าราชการประจ า โดยมีวาระการด ารงต าแหน่ง 2 ปี

                         2. คณะอนุกรรมการมีจ านวนไม่เกิน 5 คน และอย่างน้อย 2 คน ต้องเป็นบุคคลที่ผู้เสนอ

                  เรื่องราวร้องทุกข์ระบุขอให้ตั้งเป็นอนุกรรมการ เว้นแต่ผู้เสนอเรื่องราวร้องทุกข์ไม่ได้ระบุขอ และ

                  คณะอนุกรรมการต้องไม่เป็นข้าราชการประจ า

                         พระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. 2522 มาตรา 13/1 ให้ส านักงาน

                  คณะกรรมการกฤษฎีกาด าเนินการคัดเลือกรายชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติตามมาตรา 13 ซึ่งมีความ

                  เชี่ยวชาญในระดับสูงสมควรเป็นกรรมการกฤษฎีกา โดยให้มีจ านวนที่เหมาะสมในการปฏิบัติตาม
                  อ านาจหน้าที่ของคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอต่อคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วย ประธาน

                  กรรมการกฤษฎีกาแต่ละคณะตามมาตรา 15 เป็นกรรมการและเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา

                  เป็นกรรมการและเลขานุการ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วแจ้งผลให้นายกรัฐมนตรีน าความ

                  กราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งต่อไป

                         ให้ประธานกรรมการกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ

                  หลักเกณฑ์การคัดเลือกและการพิจารณาให้ความเห็นชอบตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่

                  คณะกรรมการตามวรรคหนึ่งก าหนด

                         มาตรา 15 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้กรรมการกฤษฎีกาประชุม

                  ปรึกษาหารือกันเป็นคณะ ซึ่งคณะหนึ่งๆ  ต้องมีกรรมการกฤษฎีกาไม่น้อยกว่าสามคน และใน
                           ั
                  กรณีที่มีปญหาส าคัญให้กรรมการกฤษฎีกาประชุมปรึกษาหารือกันโดยที่ประชุมใหญ่กรรมการ


                                                          - 243 -
   287   288   289   290   291   292   293   294   295   296   297