Page 295 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 295
นโยบายจัดตั้งศาลปกครองซึ่งกระทรวงยุติธรรมก าลังจัดท าอยู่ในขณะนี้ ฉะนั้น จึงมีความจ าเป็น
จะต้องเตรียมรับการจัดตั้งศาลปกครอง ประกอบกับโดยที่เรื่องราวร้องทุกข์เป็นที่มาของคดี
ปกครอง ส านักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจึงจ าเป็นต้องทราบเหตุของการร้องทุกข์มาตั้งแต่
เบื้องต้น และสามารถวิเคราะห์เหตุแห่งการร้องทุกข์ได้ ซึ่งจะน าไปสู่การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย
ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น และจะช่วยให้กรรมการเรื่องราวร้องทุกข์มีความช านาญงานต่อเนื่องกับงานร่าง
กฎหมายและงานให้ความเห็นในทางกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงสมควรรวม
ส านักงานคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์เข้ากับส านักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสมควร
ก าหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์กับคุณสมบัติของ
กรรมการกฤษฎีกาให้มีความสอดคล้องต่อเนื่องกันด้วย นอกจากนั้น โดยที่ขณะนี้ประชาชนอาจ
ยื่นร้องทุกข์ต่อรัฐบาลได้สองทาง คือ ทางส านักงานคณะกรรมการเรื่องราวร้องทุกข์และทางส านัก
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งก่อให้เกิดความสับสนแก่ประชาชน สมควรรวมไว้แห่ง
เดียวกัน คือ ส านักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย จึงจ าเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
5.5.4 อ านาจหน้าที่/ขอบเขตความรับผิดชอบ
อ านาจหน้าที่คณะกรรมการกฤษฎีกา
คณะกรรมการกฤษฎีกามีอ านาจหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติคณะกรรมการ
กฤษฎีกา พ.ศ. 2522 ดังต่อไปนี้
1. จัดท าร่างกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศ ตามค าสั่งของ
นายกรัฐมนตรีหรือมติของคณะรัฐมนตรี
2. รับปรึกษาให้ความเห็นทางกฎหมายแก่หน่วยงานของรัฐ หรือตามค าสั่งของ
นายกรัฐมนตรี หรือมติของคณะรัฐมนตรี
3. เสนอความเห็นและข้อสังเกตต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้มีกฎหมาย หรือ
แก้ไขปรับปรุง หรือยกเลิกกฎหมาย
อ านาจหน้าที่ส านักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ตามมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกาพ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม
โดยพระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2542 ให้ส านักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกามีหน้าที่รับผิดชอบหลักในงานธุรการและวิชาการของ “คณะกรรมการกฤษฎีกา” และ
“คณะกรรมการพัฒนากฎหมาย” ตลอดจนศึกษาและรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับงานของ
- 246 -

