Page 62 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 62
่
นโยบายปลูกสร้างสวนปา นโยบายขยายความเจริญไปสู่ภูมิภาค ทําให้มีการก่อสร้างเส้นทางคมนาคม
และสิ่งก่อสร้างสาธารณูปโภคอย่างกว้างขวาง เช่น ถนน เขื่อน อ่างเก็บนํ้า ทําให้ประชากรต้องอพยพ
่
เคลื่อนย้ายถิ่นที่อยู่ที่ทํากินจากการตัดถนน การสร้างเขื่อนหรืออ่างเก็บนํ้า รวมทั้งการทําสวนปา
จนทําให้เกษตรกรที่ยากจนเดินขบวนประท้วงรัฐบาลกันอย่างกว้างขวาง แต่ส่งเสริมการเกษตร
เป็นนโยบายที่มีผลกระทบต่อการสูญเสียที่ดินอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง เพราะไปปรับเปลี่ยนระบบ
๋
การผลิตแบบอิงธรรมชาติมาเป็นระบบเกษตรแผนใหม่ใช้พันธุ์เครื่องจักรกล ปุยและยาจากต่างประเทศ
ทําให้ต้นทุนเกษตรกรสูงแต่รายได้ตํ่าเพราะไม่มีอํานาจต่อรองราคาพืชผลกับการตลาด จึงมักขาดทุน
่
่
เป็นหนี้สินและสูญเสียที่ดิน แม้เกษตรกรจะเข้าไปบุกเบิกปาหาที่ทํากินใหม่จนพื้นที่ปาถูกเปลี่ยนเป็น
พื้นที่เกษตรไปปีละ 2 - 3 ล้านไร่ในช่วงนั้น แต่ก็ไม่อาจรักษาที่ดินผืนใหม่ภายใต้ระบบเศรษฐกิจ
ทุนนิยมไว้ได้ เกษตรกรส่วนใหญ่จึงตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ของความยากจนคือถูกเอารัดเอาเปรียบ ขาดทุน
เป็นหนี้สิน สูญเสียที่ดิน จํานวนเกษตรกรไร้ที่ทํากินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 3
จนส่งผลกระทบต่อความสงบสุขของสังคม
แม้รัฐบาลจะมีโครงการจัดที่ดินเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่สูญเสียที่ดินตลอดมา เช่น การจัดที่ดิน
ช่วยเหลือชาวนาชาวไร่ของกรมที่ดินตั้งแต่ปี 2501 นิคมกรมส่งเสริมสหกรณ์ นิคมสร้างตนเอง
โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ตั้งแต่ปี 2511 และตั้งแต่ปี 2518 เป็นต้นมาก็มีโครงการปฏิรูปที่ดิน
่
่
่
ซึ่งส่วนใหญ่จัดในพื้นที่ปาไม้ที่เสื่อมสภาพ การจัดหมู่บ้านปาไม้และสิทธิทํากินในพื้นที่ปาไม้ โครงการ
่
จัดที่ดินของรัฐเหล่านี้ใช้ที่ดินปาไม้ของรัฐมาจัดสรรให้เกษตรกรกว่า 50 ล้านไร่ แต่ส่วนใหญ่ไม่ประสบ
ความสําเร็จเพราะไม่สามารถสนับสนุนเกษตรกรให้มีความรู้ความสามารถในการใช้ที่ดินสร้างอาชีพ
รายได้เลี้ยงชีพอยู่ได้พอเพียง สุดท้ายไม่สามารถรักษาที่ดินไว้ได้ ที่ดินก็ถูกเปลี่ยนมือไปสู่คนอื่น
ผู้ไม่ได้ครอบครองและไม่ได้ทําการเกษตรด้วยตนเอง
นโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้าของรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ในต้นทศวรรษ 2530
แม้จะช่วยให้ประเทศในอินโดจีนที่มีอุดมการณ์และระบบการปกครองต่างกันเลิกรบกัน หันมาร่วมมือกัน
ทางเศรษฐกิจ แต่ก็มีส่วนสําคัญไปกระตุ้นให้เกิดการกว้านซื้อที่ดินเพื่อเก็งกําไรอย่างกว้างขวางมากที่สุด
จนทั่วประเทศ ประกอบกับการมีนโยบายอื่น ๆ ทํานองเดียวกันตามมาอย่างต่อเนื่องอาทินโยบาย
การแปลงสินทรัพย์เป็นทุน นโยบายการปลูกพืชพลังงานทดแทน ตลอดจนนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว
ทําให้การแก่งแย่งที่ดินรุนแรง ราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นตามแรงขับทางเศรษฐกิจ ราษฎรชนบทไม่อาจต้านพลัง
ทุนกว้านซื้อที่ดินได้ จําเป็นต้องขายหรือถูกบังคับให้ขายที่ดิน ผู้ที่ไม่ขายก็จะถูกจัดการด้วยอิทธิพล
และวิธีการที่ไม่สุจริต เช่น ออกเอกสารสิทธิทับที่ดินของราษฎร จนราษฎรรายเล็กรายน้อยต้องสูญเสีย
ั
ที่ดินในที่สุด ปญหาซ่อนเร้นจากการออกเอกสารสิทธิที่ดินทับที่ดินราษฎรในชนบทปรากฏชัดมาก
้
ในช่วงนี้และมีการฟองร้องดําเนินคดีขับไล่ราษฎรออกจากที่ดินกันมาก
ผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการพัฒนาที่เอื้อระบบทุนนิยม ยังทําให้หน่วยงานของรัฐ
อ้างนโยบายการพัฒนาเข้าครอบครองที่ดินของราษฎรที่ไม่มีเอกสารสิทธิรับรองเพื่อนําไปปฏิบัติ
่
ภารกิจตามวัตถุประสงค์ของหน่วยงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานด้านปาไม้ การเกษตร และ
หน่วยงานด้านความมั่นคงที่ครอบครองที่ดินไว้เป็นจํานวนมากโดยมิได้มีการจัดการใช้ประโยชน์
ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กล่าวอ้างเท่าใดนัก จึงมักเกิดข้อพิพาทในสิทธิที่ดินกับราษฎรทั้งที่อยู่เดิม
4‐2