Page 399 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 399
กรณีที่ 1 ผู้ร้องได้ครอบครองทําประโยชน์ในที่ดินพิพาทมาเป็นเวลาช้านานแล้วโดยมีหลักฐาน
การใบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) การเสียภาษีบํารุงท้องที่ (ภบท.5) และการทําประโยชน์เป็นที่อยู่
อาศัยและที่ทํากิน ในขณะที่กองทัพเรือมาขอสงวนหวงห้ามในปี พ.ศ. 2510 หลังจากการออกใบแจ้ง
การครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ประมาณ 12 ปี อีกทั้งมีข้อโต้แย้งจากกรมพัฒนาที่ดินว่า พื้นที่ที่สงวน
่
หวงห้ามนั้น เป็นพื้นที่ที่ต้องกันออกจากพื้นที่ปาไม้ถาวรตามการสํารวจของกรมพัฒนาที่ดินเมื่อปี 2507
ที่ได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเสียก่อน ซึ่งกองทัพเรือจะอ้างแผนที่แนบท้ายมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2510 นั้น
เป็นการไม่ชอบ ประกอบกับ “ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 256 - 257/2538
บันทึกเรื่อง สถานะทางกฎหมายของที่ดินที่สงวนหวงห้ามไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในราชการแต่ทางราชการ
ยังไม่ได้เข้าใช้ประโยชน์ เห็นว่า ที่ดินในเขตที่มีประกาศสงวนหรือหวงห้ามไว้เพื่อประโยชน์ของ
ทางราชการตามกฎหมาย จะมีสถานะเป็นที่ราชพัสดุหรือไม่ ต้องพิจารณาว่าส่วนราชการได้เข้าใช้
ประโยชน์แล้วหรือไม่ ถ้าเข้าใช้ประโยชน์แล้วที่ดินดังกล่าวก็เป็นที่ราชพัสดุ แต่ถ้ายังไม่ได้เข้าใช้
ประโยชน์หรือใช้ประโยชน์บางส่วน ส่วนที่ยังไม่ได้ใช้ก็ไม่เป็นที่ราชพัสดุ” ซึ่งกองทัพเรือก็ไม่ได้แสดง
ให้เห็นชัดเจนว่าได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่พิพาทดังกล่าวอย่างไร เพียงแต่อ้างลอย ๆ ว่า ได้ใช้ฝึกยุทธวิธี
ฝึกหาข่าว เป็นต้น แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าชุมชนเกาะช้างนั้นเป็นชุมชนเก่าแก่ พระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาส เมื่อปี พ.ศ. 2430 2432 และ 2444 ดังนั้น
หากกองทัพเรืออ้างว่าได้ใช้ประโยชน์เต็มทั้งแปลงก็หมายความว่า กองทัพเรือได้ใช้ที่อยู่อาศัยของ
ราษฎรเป็นพื้นที่ฝึก หรือใช้ประโยชน์ในกิจการของกองทัพเรือด้วย ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ที่ราษฎร
ยืนยันว่าไม่เคยเห็นการใช้ประโยชน์ใด ๆ ของกองทัพเรือ ในที่อยู่อาศัยของตน ดังนั้น จะมีเพียงเฉพาะ
ที่ดินที่กองทัพเรือซื้อมาจากหลวงราชภัณฑ์โภคากร (บริเวณสวนหลวง) เท่านั้นที่ควรเป็นที่ราชพัสดุ
ส่วนที่ดินนอกจากนั้นกองทัพเรือจําเป็นต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าได้ทําประโยชน์ในพื้นที่อย่างไร แต่กองทัพเรือ
ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่กองทัพเรือได้มาทําการรังวัดเพื่อขอออกหนังสือสําคัญสําหรับที่ดิน (น.ส.ล.)
แต่ไม่สามารถทําได้เนื่องจากราษฎรได้คัดค้านไว้ตลอด จนกระทั่งกองทัพเรือได้ส่งพลเรือตรีสินศักดิ์
ศรีพิพัฒน์ เป็นตัวแทนเข้ามาเจรจากับราษฎรเพื่อไม่ให้คัดค้าน โดยอ้างว่าจะยินยอมให้ราษฎร
ดําเนินการพิสูจน์สิทธิ กองทัพเรือจึงสามารถดําเนินการรังวัดและออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวง
(น.ส.ล.) ได้ การที่ราษฎรยินยอมชี้แนวเขตข้างเคียงให้ก็ไม่ได้เป็นไปโดยความยินยอมพร้อมใจ
หากแต่จํายอมภายใต้ข้อเสนอของกองทัพเรือ คือ ขอให้เห็นแก่ความมั่นคงของประเทศชาติ
และจะยินยอมให้มีการออกเอกสารสิทธิในภายหลังได้ ต่อมากองทัพเรือกลับใช้หนังสือสําคัญสําหรับ
ั
ที่ดิน (น.ส.ล.) ดังกล่าวเป็นหลักฐานในการแจ้งความดําเนินคดีกับราษฎร และจนปจจุบันนี้ ผู้ร้องก็ยัง
ั
ไม่สามารถแก้ไขปญหาสิทธิในที่ดินได้ ทําให้ผู้ร้องไม่สามารถดําเนินการพัฒนาพื้นที่และดํารงชีวิตได้
อย่างปกติสุข การกระทําดังกล่าวจึงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและไม่เป็นธรรมต่อผู้ร้อง ตามรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 มาตรา 26 การใช้อํานาจโดยองค์กรของรัฐทุกองค์กร ต้องคํานึงถึง
ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ และเสรีภาพ มาตรา 27 สิทธิและเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญนี้รับรองไว้
โดยชัดแจ้ง โดยปริยาย หรือโดยคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ย่อมได้รับความคุ้มครองและผูกพัน
รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่น ของรัฐโดยตรงในการตรากฎหมาย การใช้บังคับกฎหมาย
และการตีความ กฎหมายทั้งปวง มาตรา 48 สิทธิในทรัพย์สินของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง และ
7‐37