Page 388 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 388
2. มติคณะรัฐมนตรี 24 กุมภาพันธ์ 2552 เรื่อง นโยบายการขอคืนที่ดินราชพัสดุ 1 ล้านไร่
เพื่อนํามาให้เกษตรกรเช่าทําการเกษตร ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติ
รับทราบสรุปผลการสัมมนา "หลอมรวมทุกกลไก 1 ล้านไร่ มิติใหม่ที่ราชพัสดุ" ซึ่งจัดขึ้นเมื่อ
วันที่ 24 - 25 กรกฎาคม 2551 โดยในการสัมมนาเชิงนโยบายของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และ
หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมีความเห็นสอดคล้องและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อน
โครงการนําที่ดินราชพัสดุ 1 ล้านไร่ มาจัดให้เกษตรกรเช่าทําการเกษตรตามนโยบายรัฐบาล สําหรับ
ข้อสรุปในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการที่ได้มีการแบ่งกลุ่มตามภาคต่าง ๆ รวม 5 กลุ่ม ได้แก่ ภาคเหนือ
ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในหัวข้อการบริหารจัดการที่ดินเพื่อ
เกษตรกรรม การบริหารจัดการอย่างครบวงจรสําหรับภาคเกษตร การบริหารจัดการอย่างครบวงจร
สําหรับภาคการตลาด การคัดเลือกกลุ่มผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน
นั้น ได้ข้อสรุปว่าควรดําเนินการในรูปของคณะกรรมการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และเห็นชอบใน
หลักการการดําเนินการตามผลการสัมมนาซึ่งเป็นการดําเนินการตามนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่ได้
แถลงต่อรัฐสภาในการจัดหาที่ดินทํากินให้แก่เกษตรกรยากจนในรูปของธนาคารที่ดิน
คณะรัฐมนตรีเห็นว่าในการจัดหาที่ดินทํากินให้แก่เกษตรกรยากจนในรูปธนาคารที่ดิน
กระทรวงการคลังควรเป็นผู้กําหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ มาตรการและเงื่อนไข ตลอดจนกํากับดูแล
การนําที่ดินราชพัสดุมาให้เกษตรกรเช่าทําการเกษตร โดยให้สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
รับไปดําเนินการ เนื่องจากมีความพร้อมและเคยดําเนินการในเรื่องนี้อยู่แล้ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง
(กรมธนารักษ์) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม) รับไป
ประสานการปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมายต่อไปด้วย
3. มติคณะรัฐมนตรี 28 กรกฎาคม 2552 เรื่อง นโยบายการขอคืนที่ดินราชพัสดุ 1 ล้านไร่
เพื่อนํามาให้เกษตรกรเช่าทําการเกษตร คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1) ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้กําหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ มาตรการและเงื่อนไข ตลอดจน
กํากับดูแลในการนําที่ดินราชพัสดุ 1 ล้านไร่ มาจัดให้เกษตรกรเช่าทําการเกษตรตามหลักเกณฑ์ที่
กฎหมายและระเบียบ กําหนด โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ดําเนินการเอง
2) แต่งตั้งคณะกรรมการอํานวยการ โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (กํากับดูแล
งานกรมธนารักษ์) เป็นประธานกรรมการ และรองอธิบดีกรมธนารักษ์ (ด้านที่ราชพัสดุ) เป็นกรรมการ
และเลขานุการทําหน้าที่กําหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ มาตรการและเงื่อนไขในการดําเนินการในเรื่อง
ต่าง ๆ เช่น มาตรการขอคืนที่ดินจากหน่วยราชการ การแบ่งโซนพืชอาหารและพลังงาน การกําหนด
คุณสมบัติเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ รูปแบบและการบริหารจัดการ
อย่างครบถ้วน เป็นต้น เพื่อนําที่ดินราชพัสดุมาจัดให้เช่าทําการเกษตรและเป็นแนวทางให้จังหวัด
นําไปใช้ปฏิบัติ
3) แต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ และ
ธนารักษ์พื้นที่ เป็นกรรมการและเลขานุการ ทําหน้าที่ในการนําที่ดินราชพัสดุมาจัดให้เช่าทํา
การเกษตรตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการอํานวยการกําหนด
2.5 การแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุ
7‐26