Page 23 - รายงานโครงการศึกษา เรื่อง การจัดทำตัวชี้วัดสิทธิมนุษยชนเบื้องต้นตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
P. 23
11
ปัญหาในขณะนั้นจึงเกิดขึ้นว่า รัฐมีพันธะหน้าที่ในการคุ้มครอง หรือจะร่วมมือกันส่งเสริม “สิทธิ
มนุษยชนแบบไหน” ด้วยเหตุนี้ภารกิจอันเร่งด่วนประการแรกของสหประชาชาติก็คือ ต้องท าความชัดเจน
ให้กับความหมายของสิทธิมนุษยชนและต้องการให้มีสนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนที่มีพันธกรณีและมีความชัดเจน
เพื่อให้รัฐภาคีสามารถน าไปปฏิบัติได้
คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (Economic and Social Council) จึงได้เสนอให้
จัดท าประมวลหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนขึ้น ต่อมาคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมได้จัดตั้งคณะกรรมการร่าง
ขึ้นในคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน (Commission on Human Rights) โดยในการประชุมได้มีมติให้เตรียม
ยกร่างเอกสาร สอง ส่วน ได้แก่ หนึ่ง ร่างเบื้องต้นของปฏิญญาที่ระบุหลักการทั่วไปของสิทธิมนุษยชน
(Preliminary draft of a declaration) และ สอง ร่างอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Draft convention
on human rights) อย่างไรก็ตาม สงครามเย็นที่ก่อตัวขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากอุดมการณ์ทาง
การเมืองระหว่างฝุายเสรีประชาธิปไตยที่น าโดยสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร กับฝุายสังคมนิยมที่น าโดย
รัสเซียและจีนท าให้การเจรจาตกลงเกี่ยวกับเนื้อหาของสิทธิมนุษยชนเกิดความล่าช้า ทั้งนี้เพราะทั้งสองฝุาย
ต้องการให้ก าหนดสิทธิที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ทางการเมืองของตนในตราสาร ในขณะเดียวกันก็ปฏิเสธสิทธิ
ที่เป็นอุดมการณ์ทางการเมืองของอีกฝุายจึงท าให้การจัดท าตราสารที่เป็นอนุสัญญาสิทธิมนุษยชนไม่มีความ
คืบหน้า
ความชะงักงันของการจัดท าตราสารก่อให้เกิดความกังวลในคณะกรรมาธิการฯ ดังนั้นคณะกรรมาธิการฯ
จึงได้เสนอทางออกว่าการจัดท าประมวลหลักการทางกฎหมายในรูปของปฏิญญาจะต้องด าเนินไปก่อน
เนื่องจากปฏิญญาไม่ก่อพันธกรณีทางกฎหมายแก่รัฐภาคีสหประชาชาติ ดังนั้น รัฐภาคีสหประชาชาติน่าที่จะให้
การสนับสนุนมากกว่าการจัดท าตราสารที่ก่อพันธกรณี ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้ให้ค าแนะน าแก่
คณะกรรมการร่างปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนว่า
“ตราสารสิทธิมนุษยชน ควรจะต้องเป็นที่ยอมรับได้โดยบรรดาประเทศภาคีของสหประชาชาติทุก
17
ประเทศ ดังนั้น จึงต้องสั้น กระชับ ง่ายต่อการเข้าใจ และต่อการกล่าวอ้าง”
คณะกรรมการร่างปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วย ตัวแทนจากประเทศต่างๆ
ครอบคลุมภูมิภาคต่างๆ และระบบกฎหมายที่แตกต่างกัน โดยประกอบด้วยผู้แทนจากออสเตรเลีย ชิลี จีน
ฝรั่งเศส เลบานอน รัสเซีย และนางอีเลเนอร์ รูสเวลท์
โดยที่นางรูสเวลท์ เป็นประธานร่างปฏิญญาฉบับนี้ ดังนั้นจึงมีส่วนส าคัญที่ได้น าความคิดอิสรภาพสี่
ประการ ของอดีตประธานาธิบดีรูสเวลท์ มาเป็นพื้นฐานของการร่างปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ส าหรับผู้แทนจากฝรั่งเศส คือ ศาสตราจารย์เรเน กาแซง (Rene’ Cassin) นั้นถือว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างสูง
ในการจัดท าร่างปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนเนื่องจากเป็นคนรอบรู้ทั้งปรัชญาสิทธิมนุษยชนและทฤษฎี
ทางกฎหมาย และเป็นผู้ผลักดันสิทธิทางด้านสวัสดิการสังคมในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
17
J. Moller, “The Universal Declaration of Human Rights: How the Process Started”, in A. Eide et al. eds.,
The Universal Declaration of Human Rights: A Commentary, (Oslo: Scandinavian University Press,
1993) p. 18.