Page 26 - รายงานโครงการศึกษา เรื่อง การจัดทำตัวชี้วัดสิทธิมนุษยชนเบื้องต้นตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
P. 26

14


                     2.2.1 การสร้างปทัสถานทางกฎหมายของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนโดยกติการะหว่างประเทศ


                           หลังจากที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้รับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแล้ว
               สหประชาชาติได้ขอให้คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Commission on Human Rights)
               ให้ความส าคัญในการผลักดันเพื่อยกร่างสนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย รวมทั้งขยายความ
               และพัฒนารายละเอียดของเนื้อหาในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่รับรองเป็นหลักการกว้างๆ  ดังได้

               กล่าวข้างต้นแล้วว่าความตึงเครียดในช่วงการจัดท าปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนเนื่องจากความแตกต่าง
               ทางอุดมการณ์ทางการเมือง น ามาสู่การเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนที่แตกต่างกัน ข้อโต้แย้งส าคัญในขณะนั้นคือ
               ธรรมชาติของสิทธิทั้งสองกลุ่มมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะวิธีการปฏิบัติตาม (The    mean      of
               implementation) ขณะที่สิทธิทางพลเมืองและสิทธิทางการเมืองสามารถให้การประกันสิทธิได้ในทันที แต่

               สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมต้องใช้เงินและทรัพยากรอื่นๆ จึงจะสามารถปฏิบัติให้สิทธิเป็นจริง
               ขึ้นมาได้  และต้องด าเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปไม่ใช่ในทันทีทันใด แม้ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่ง
               สหประชาชาติ (The General Assembly) จะพยายามยืนกรานการไม่แบ่งแยกสิทธิมนุษยชน แต่ก็ไม่ประสบ
               ความส าเร็จ ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1952 (พ.ศ. 2495) ได้มีมติให้ร่าง

               กฎหมายโดยแบ่งแยกสิทธิออกเป็นสองส่วน ซึ่งในเวลาต่อมาได้กลายเป็นกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิ
               พลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights: ICCPR)  และ
               กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (International  Covenant  on
                                                           22
               Economic, Social and Cultural Rights: ICESCR)

                     2.2.2 พันธะหน้าที่ของรัฐในด้านสิทธิมนุษยชน

                           กฎหมายระหว่างประเทศก่อพันธะหน้าที่ต่อรัฐ ประเด็นที่ควรจะต้องพิจารณาในเบื้องต้นคือ

               พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนมีอย่างไร กล่าวอีกนัยหนึ่งรัฐมีภาระหรือหน้าที่อย่างไร เพื่อการปฏิบัติให้เป็นไป
               ตามพันธกรณีที่ก่อขึ้นโดยกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นในส่วนนี้ ผู้ศึกษาจะศึกษาพันธะหน้าที่ของรัฐเพื่อให้
               เกิดความเข้าใจอันน าไปสู่การจัดท าตัวชี้วัด “ที่สามารถบ่งชี้” ถึงพันธะหน้าที่ด้านต่างๆ ที่ผูกพันรัฐ


                           กล่าวได้ว่าปัจจุบันเป็นที่ยอมรับในทางวิชาการว่า พันธกรณีระหว่างประเทศมีสามด้าน คือ
                             พันธกรณีในการเคารพ (obligation to respect)
                             พันธกรณีในการปกปูองคุ้มครอง (obligation to protect)

                             พันธกรณีในการท าให้บรรลุผล (obligation to fulfill)

                           2.2.2.1 พันธกรณีในการเคารพ


                                  พันธกรณีในการเคารพ ถือเป็นหน้าที่เชิงลบ นั่นคือรัฐ หรือผู้มีหน้าที่ (Duty  Bearer)
               ต้องหลีกเลี่ยง และไม่ขัดขวางบุคคลที่เป็นผู้ทรงสิทธิ ท าให้ผู้ทรงสิทธิไม่อาจใช้สิทธิตามที่บุคคลนั้นมี


               22
                   ศรีรักษ์ ผลิพัฒน์ “สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม” ใน สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
                  เอกสารการสอนชุดวิชากฎหมายสิทธิมนุษยชน” พิมพ์ครั้งที่  3 (นนทบุรี: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช),
                  หน้า 312-313
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31