Page 58 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยสาเหตุการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
P. 58

47


                      เรื่องป้องกันเท่านั้น ดังนั้น  “วิสามัญฆาตกรรม ” จึงเป็นนโยบายไม่ได้ และวางแผนล่วงหน้าไม่ได้

                      ด้วย และนอกจากนี้ข้ออ้างเรื่องการใช้สิทธิในการป้องกันส าหรับประชาชนทั่วไปกับเจ้าพนักงานนั้น

                      น่าจะไม่เหมือนกันเสียทีเดียวนัก กล่าวคือ หากเป็นกรณีประชาชนทั่วไปย่อมสามารถใช้สิทธิ
                      ป้องกันได้โดยไม่จ าเป็นที่จะต้องหลบหลีกภัยนั้น แต่ในกรณีของเจ้าพนักงานนั้น หากเทียบเคียงกับ

                      มาตรฐานขององค์การสหประชาชาติดังกล่าว ควรจะต้องน าหลักเกณฑ์ที่ว่า  “โดยอยู่ในภาวะที่ไม่

                      สามารถหลีกเลี่ยงเป็นอย่างอื่นได้แล้วเท่านั้น ” มาเป็นมาตรฐานของการปฏิบัติเพียงแต่หลักเกณฑ์

                      ตามกฎหมายไทยยังไม่มีความชัดเจนในประเด็นนี้

                                                ส าหรับการตรวจสอบการตายในกรณีมีการตายเกิดขึ้นโดยการกระท า
                      ของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้า

                      พนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่นั้น โดยหลักการของกฎหมาย กระบวนการตรวจสอบ

                      ดังกล่าว ได้แก่การชันสูตรพลิกศพและการไต่สวนการตาย เป็นต้น มีขึ้นเพื่อเป็นมาตรการในการ

                      ตรวจสอบว่าผู้ตายได้ถูกเจ้าพนักงานของรัฐใช้อ านาจกระท าให้ตายโดยมิชอบหรือไม่ และ

                      ในขณะเดียวกันก็เป็นหลักประกันแก่เจ้าพนักงานเองด้วยว่าหากกระท าการโดยถูกต้องแล้ว
                      ก็ไม่ต้องหวั่นเกรงว่าจะถูกฟ้องร้องโดยไม่เป็นธรรมในภายหลัง ซึ่งตามกฎหมายไทย ประมวล

                      กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 บัญญัติว่า  “...ในกรณีที่มีความตายเกิดขึ้นโดยการ

                      กระท าของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุม

                      ของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ให้พนักงานอัยการและพนักงานฝ่ายปกครอง
                      ต าแหน่งตั้งแต่ปลัดอ าเภอหรือเทียบเท่าขึ้นไปแห่งท้องที่ที่ศพนั้นอยู่เป็นผู้ชันสูตรพลิกศพร่วมกับ

                      พนักงานสอบสวนและแพทย์... ” และ “...เมื่อได้รับส านวนชันสูตรพลิกศพแล้ว ให้พนักงานอัยการ

                      ท าค าร้องขอต่อศาลชั้นต้นแห่งท้องที่ที่ศพนั้นอยู่ เพื่อให้ศาลท าการไต่สวนและท าค าสั่งแสดงว่า

                      ผู้ตายคือใคร ตายที่ไหน เมื่อใด และถึงเหตุและพฤติการณ์ที่ตาย....  ” มีข้อสังเกตว่า การไต่สวน
                      ดังกล่าวยังวางแนวทางให้พนักงานสอบสวนเป็นหลักในการชันสูตรพลิกศพ อันส่งผลต่อเนื่อง

                      ในการไต่สวนในศาลเกี่ยวกับการตายซึ่งอิงอยู่บนฐานข้อมูลหลังจากส านวนการชันสูตรพลิกศพ

                      ของพนักงานสอบสวนนั้น กลายเป็นเพียงการไต่สวนไปตาม  “แบบพิธี” โดยไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ

                      ในการค้นหาให้ได้ความจริงเท่าที่ควร

                                                เมื่อเปรียบเทียบกับตามหลักการขององค์การสหประชาชาติว่าด้วย
                      การป้องกันและสอบสวนอย่างมีประสิทธิภาพเกี่ยวกับการวิสามัญฆาตกรรม และการลงโทษ

                      ประหารชีวิตที่ไร้เหตุผลและรวบรัด ( Principles on the Effective Prevention and Investigation

                      of Extra-Legal, Arbitrary and Summary Executions 1989) ซึ่งก าหนดว่า “ผู้ที่ท าหน้าที่ชันสูตร
   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63