Page 68 - รายงานฉบับสมบูรณ์ นโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนไทย-พม่า : กรณีผู้อพยพจากภัยสงคราม
P. 68

๕๙
                                       รายงานศึกษาวิจัย “นโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนไทย – พม่า : กรณีผู้อพยพจากภัยสงคราม”




                         ในเรื่องผู้หนีภัยสงคราม  ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า สภาพ/สถานะของผู้ลี้ภัยมีต่าง ๆ กัน มีข้อคิดเป็นการ

                  เปรียบเทียบว่า  สถานะของชาวเขมรก็เป็นลักษณะเดียวกับที่ลี้ภัยจากพม่า ซึ่ง UNHCR  ดูแล ข้อปัญหา


                  ทางกฎหมาย / ข้อวิจารณ์ / ความช่วยเหลือต่าง ๆ ที่เราเคยให้และเคยท ามา เราสามารถที่จะเอา

                  ประยุกต์ใช้กับกรณีประสบการณ์ทางด้านตะวันตกได้อย่างไรบ้าง  การช่วยเหลือผู้หนีภัยสงครามอาจไม่

                  ต้องถึงกับขนาดต้องท าตามอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ.๑๙๕๑  แต่ขอมีแนวทางว่าควรจะ

                  ปฏิบัติอย่างไรในบริบทสังคมไทย ขณะเดียวกันก็ไม่ได้บ่อยให้เป็นเรื่องของดุลยพินิจ หรือการปฏิบัติที่

                  มนุษย์ต่อมนุษย์



                         นายวีรวิชญ์    เธียรชัยนันท์  ผู้อ านวยการบริหารมูลนิธิไทยเพื่อคนมีปัญหาสิทธิและสถานะ

                  บุคคลเห็นว่าฝ่ายก ากับนโยบายควรเรียนรู้ประสบการณ์ทางด้านการจัดการผู้ลี้ภัยอินโดจีน และน ามา

                  ก าหนดนโยบายผู้ลี้ภัยจากการสู้รบทางฝั่งพม่า  ควรประยุกต์องค์ความรู้มาใช้อย่างเต็มที่ โดยหลักการก็

                  คือ สิ่งที่รัฐบาลเรียนรู้จากช่วงที่มีผู้ลี้ภัยจากสงครามอินโดจีนว่าเราท าทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงท า

                  ให้เป็นการยากในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะเรื่องของการส่งกลับ และการเรียนรู้อีกอย่าง คือ การให้


                  UNHCR  เข้าไปมีบทบาทหลักในการบริหารจัดการค่ายผู้ลี้ภัย ท าให้การบริหารจัดการโดยรัฐบาลไทย

                  ยากล าบากขึ้น ฉะนั้น สิ่งที่เรียนรู้ก็ควรน ามาใช้ในกรณีของการอพยพทางตะวันตกของประเทศไทย คือไม่

                  เอา UNHCR  เข้ามา ให้ NGOs  แจกอาหาร แจกน ้าอย่างเดียว  และไม่ให้สถานภาพที่ถูกต้องตาม

                  กฎหมาย เพราะว่ากลุ่มของผู้ลี้ภัยอินโดจีน หรือกลุ่มนักศึกษาพม่า เราใช้มาตรา ๑๗ ของพระราชบัญญัติ

                  คนเข้าเมือง  อนุญาตให้อยู่ชั่วคราวโดยถูกกฎหมาย การที่จะให้ออกไปจึงยากเพราะมีบทกฎหมายรองรับ

                  เราก็พยายามที่จะเก็บให้อยู่ในสถานะเป็นผู้หลบหนีเข้าเมือง ถึงแม้ว่าผู้ลี้ภัยที่อยู่ในค่ายจะมีทะเบียน


                  ก็ยังคงสถานะทางกฎหมายว่าเป็นผู้หลบหนีเข้าเมือง


                         ปัจจุบันนี้ประเทศไทยยังไม่ได้เข้าไปเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ค.ศ. ๑๙๕๑

                  และเราพบว่าประเทศทางยุโรปมีผู้ที่ประสบภัยจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นจ านวนมาก จึงได้มีแนวทาง

                  ของสหประชาชาติที่จะบริหารจัดการคนกลุ่มนี้โดยการใช้กฎหมายระหว่างประเทศ และภายในประเทศที่


                  เกี่ยวข้องกับในช่วงสงครามครั้งที่ ๒ จึงได้ออกกฎหมายฉบับนี้ออกมา และกฎหมายฉบับนี้ก็ได้ถูกน าไปใช้

                  ในอีกหลายภูมิภาคทั่วโลกที่เกิดความขัดแย้งขึ้น
   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73