Page 67 - รายงานฉบับสมบูรณ์ นโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนไทย-พม่า : กรณีผู้อพยพจากภัยสงคราม
P. 67
๕๘
รายงานศึกษาวิจัย “นโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนไทย – พม่า : กรณีผู้อพยพจากภัยสงคราม”
ในพื้นที่ หรือว่าคนในพื้นที่เรียกร้องให้ทางราชการช่วยเหลืออะไรบ้างก็ยังไม่เคยมี คิดว่าเขาก็อยู่สุขสบาย
ข้าวสารก็มีกิน บ้านก็มีอยู่ และเราก็อนุญาตให้ออกไปท างานนอกพื้นที่ได้ตลอด ไม่มีการห้าม แต่จะมี
เจ้าหน้าที่ทหารไปตรวจดูว่า คนที่อยู่ในศูนย์มีเพิ่มไหม ตอนหลังก็มีหนีกลับพม่า หรือหนีออกไปท างาน
ข้างนอกก็มี
สรุปแล้ว คือ ทุกวันนี้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม เด็ก ๆ ที่ไปเรียนหนังสือ เขาก็ได้รับการจัดท าทะเบียน
ประวัติ คิดว่าอนาคตเขาก็มาอยู่ในการควบคุมดูแลของกรมการปกครองสามารถไปเรียนหนังสือ ท างาน
ได้เหมือนอย่างบุคคลทั่วไป เพราะมีทะเบียนประวัติแล้ว และมีก็การพิมพ์นิ้วมือไว้แล้ว ซึ่งก็คงไปไหนไม่ได้
แต่คงจะได้รับสถานะตามที่มติคณะรัฐมนตรีจะให้ในโอกาสต่อไปว่าสถานะจะเป็นอะไรต่อ ส าหรับผู้ใหญ่
สถานะ คือ เป็นผู้หลบหนีเข้าเมือง ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร์เลย
ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ (ประจ าจังหวัดเชียงใหม่)
ผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ(ประจ าจังหวัดเชียงใหม่) กล่าวว่าไม่ค่อยมีประเด็นผู้ลี้ภัย
มากนัก จะพบแต่กรณีที่เป็นคนพม่า เพราะทางกระทรวงมีการรับรองเอกสาร โดยนิติกร ซึ่งส่วนใหญ่จะ
เป็นคนพม่าที่จะมารับรองเอกสารความเป็นโสดที่จะสมรสกับพลเมืองชาวไทย และจะมีชาวพม่าหลาย
คนมาที่ส านักงานของกระทรวงการต่างประเทศที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อขอรับรองเอกสารนี้ เขาบอกว่า “เสีย
เงินไป ๑๐,๐๐๐ - ๒๐,๐๐๐ บาท” แต่มาที่ส านักงานของเรา ก็ไม่สามารถรับรองเอกสารนี้ได้ ชาวพม่ายัง
ถูกหลอกเรื่องพวกนี้อยู่เป็นจ านวนมาก และเราก็ไม่สามารถท าอะไรให้ได้เลย
๓.๕ ความคิดเห็นของนักวิชาการและองค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่
รศ.ดร.ไชยันต์ รัชชกูล คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ตั้งข้อสังเกตว่า
ในช่วงหลังจีนเข้ามามีอิทธิพลกับพม่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของพม่าคงจะมี
ผลอย่างยิ่งต่อนโยบายทางทหาร จึงตั้งค าถามว่า “มันจริงหรือที่จะหยุดยิงกัน สงบศึก การเปลี่ยนแปลง
เป็นประชาธิปไตย หรือค่อย ๆ สมบูรณ์มากขึ้น” แง่คิดอีกแง่หนึ่งที่ต่างไปจากรายงานตามหนังสือพิมพ์
และข่าวที่มีอยู่เหมือนกับว่ามีความหวังกับการเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้ของพม่ามาก