Page 14 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกับการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนด้วยกัน
P. 14

๑๐





                                                                                  ๒๑
                       ความชอบธรรมแหงสิทธิชาวอังกฤษในการตอสูกับกษัตริยที่เปนทรราช  โดยสิทธิมนุษยชนในยุคนี้
                       จะสรางพันธะในทางลบ (Negative Obligation) ใหกับรัฐ กลาวคือ หามรัฐเขามายุงเกี่ยวแทรกแซง

                       ในสิทธิและเสรีภาพของปจเจกชน ในขณะเดียวกันก็กอหนาที่ใหกับบุคคลที่สามในการที่ตองมีหนาที่

                       เคารพตอสิทธิและเสรีภาพของผูทรงสิทธินั้นดวย สิทธิมนุษยชนในยุคนี้จึงกอพันธะใหรัฐเพียง
                       ออกกฎหมายรับรองสิทธิและบังคับใชเพื่อใหผูมีสิทธิไดใชสิทธิได สิทธิมนุษยชนในยุคนี้ ไดแก

                       สิทธิและเสรีภาพในเนื้อตัวรางกาย สิทธิในการมีสัญชาติและการไดรับการยอมรับวาเปนบุคคล

                       ตามกฎหมาย สิทธิในการมีศักดิ์ศรี สิทธิในความเปนสวนตัว สิทธิในมโนธรรมความคิดและศาสนา
                                                            ๒๒
                       และสิทธิในการพูดและการแสดงออก เปนตน
                                     ยุคที่ ๒ สิทธิมนุษยชนแบบความยุติธรรมทางสังคม (Social Justice) ที่ขยายคุณคา

                       อุดมคติไปสูเรื่อง “ความเสมอภาค” ของมนุษย  และทําใหเกิดการปรากฏตัวของสิทธิทางเศรษฐกิจ
                       สังคม และวัฒนธรรม ปรากฏในงานเขียนของ John Rawls เรื่อง “ทฤษฎีความยุติธรรม” ซึ่งมีหลักการ

                       สําคัญที่เนนคุณคาของสิทธิเสรีภาพอยางสูงของมนุษยสองประการ คือ หลักความมีอิสระเทาเทียมกัน
                       ซึ่งมนุษยทุกคนจะตองมีสิทธิเทาเทียมกันในเสรีภาพขั้นพื้นฐานอยางมากที่สุดเทาที่จะเปนได

                       และหลักความเสมอภาคของโอกาสที่เปนธรรมหรือหลักความแตกตางในกรณีของความแตกตางใน

                       ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมตามหลักความยุติธรรมทางสังคมแลวความไมเสมอภาคดังกลาว
                       จะตองไดรับการจัดระเบียบใหเปนธรรมหรือใหเปนประโยชนมากที่สุดแกคนที่เสียเปรียบหรือดอย

                                       ๒๓
                       โอกาสที่สุดในสังคม  ทั้งนี้เนื่องจากในความเปนจริงแลวคนเรามีความสามารถและโอกาสไมเทากัน
                       ทําใหมนุษยกลุมหนึ่งไดประโยชนในขณะที่มนุษยอีกกลุมหนึ่งถูกใชเปนเครื่องมือในการแสวงหา

                       ประโยชนจากกลุมแรกและกลุมหลังมีคนจํานวนมากที่ตกอยูในสภาวะยากจนที่สุดและอยูอยางไมมี

                       สภาพที่มีคาความเปนมนุษยเหลืออยู จึงทําใหเกิดการเรียกรองสิทธิมนุษยชนในรูปแบบใหมขึ้นมา
                                                                                     ๒๔
                       ในลักษณะเปนสิทธิที่ใหมนุษยมีสภาพความเปนอยูที่ดีสมกับความเปนมนุษย
                                     สิทธิมนุษยชนในยุคนี้ไดสรางพันธะในทางบวก (Positive Obligation) ใหกับรัฐ

                       ฝายเดียว คือ เรียกรองใหรัฐเขามามีบทบาทในการกระทําเพื่อเสริมสรางใหมนุษยมีชีวิต
                       ความเปนอยูที่ดี  มีคุณคาสมกับความเปนมนุษยแกประชาชนทุกคน แตไมไดกอหนาที่ใหกับบุคคล

                       ทั่วไป กลาวคือ บุคคลที่สามหรือเอกชนหาไดมีหนาที่ตองจัดหาสิ่งตางๆ ใหกับบุคคลที่เปนผูทรงสิทธิ
                       นั้นๆ ไม สิทธิมนุษยชนในยุคนี้ ไดแก สิทธิในการศึกษา สิทธิในที่อยูอาศัย สิทธิในการมีอาหาร

                                     ๒๕
                       ที่เพียงพอเปนตน

                              ๒๑
                                จรัญ  โฆษณานันท, อางแลว เชิงอรรถที่ ๗, น. ๖๓.
                              ๒๒
                                วิชัย  ศรีรัตน, อางแลว เชิงอรรถที่ ๑๗, น. ๔๒.
                              ๒๓
                                จรัญ  โฆษณานันท, อางแลว เชิงอรรถที่ ๗, น. ๑๓๗.
                              ๒๔
                                วิชัย  ศรีรัตน, อางแลว เชิงอรรถที่ ๑๗, น. ๔๔ – ๔๕.
                              ๒๕
                                เพิ่งอาง, น. ๔๒ – ๔๓.
   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19