Page 20 - รายงานโครงการศึกษาวิจัย การต่อสู้ภาคประชาสังคมเพื่อยุติการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน : กรณีศึกษาสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
P. 20

๑๙

                          แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้นอกจากต้องมองบริบทของความสัมพันธ์แล้ว จะต้องมองการคุกคามทาง
                   เพศจากมุมของผู้ถูกกระทําด้วย อาควิโน  (Aquino  2009)  ซึ่งศึกษาเรื่องการตกเป็นเหยื่อการคุกคาม
                   ทางเพศในที่ทํางานได้ศึกษาเปรียบเทียบวิธีการต่างๆที่ผู้กระทําใช้คุกคามเหยื่อ ซึ่งเป็นการศึกษาอัตรา
                   ความก้าวร้าวรุนแรงของการกระทําจากมุมมองของเหยื่อ แล้วศึกษาต่อว่าหลังถูกคุกคามทางเพศแล้ว
                   เหยื่อมีวิธีเยียวยาตัวเองอย่างไร การศึกษาของอาควิโนมีข้อดีตรงที่เป็นการมองความก้าวร้าวรุนแรง
                   จากความรู้สึกของเหยื่อ แต่ก็มีข้อด้อยตรงที่การศึกษานี้ขาดการนําทฤษฎีเข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อ
                   ค้นพบ อีกทั้งการคัดเลือกตัวแปรที่จะนําเข้ามาศึกษายังเป็นตัวแปรที่ไม่ได้นําไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง
                   เกี่ยวกับการคุกคามทางเพศจากมุมมองของเหยื่อเท่าที่ควร แต่การศึกษาของบาร์ลิงและคณะ
                   (Barling  et  al  2009)  ก็ได้เข้ามาเสริมส่วนขาดนี้โดยได้ทําการวิเคราะห์ความก้าวร้าวของผู้กระทํา
                   เอาไว้ และคาดหวังว่าการวิเคราะห์ความก้าวร้าวของผู้กระทําที่ได้ลงมือไปแล้ว จะทําให้เกิดความ
                   เข้าใจในแบบแผนพฤติกรรมก้าวร้าวได้ แล้วจะนําไปสู่การป้ องกันเหตุคุกคามทางเพศที่อาจจะเกิดขึ้น
                   ในอนาคตได้ การศึกษาในลักษณะนี้จะช่วยคาดประมาณว่าจะสามารถป้ องกันเหตุล่วงหน้าได้อย่างไร
                   บาร์ลิงบอกว่าการวิเคราะห์แบบแผนพฤติกรรมก้าวร้าวจะเป็นสิ่งที่ทําให้การอนุมานล่วงหน้าเป็นเหตุ
                   เป็นผลมากขึ้น และสามารถนําไปใช้ในการป้ องกันเหตุได้มากขึ้นจริงๆ
                   ๒.๓ ผลกระทบต่อผู้ถูกคุกคามทางเพศ
                          การถูกคุกคามทางเพศเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายของผู้ถูกคุกคามทุกคน ไม่ว่าผู้ถูกคุกคามจะ
                   เป็นหญิงหรือชาย อายุเท่าใด แต่งงานแล้วหรือไม่ และหากการคุกคามทางเพศเกิดขึ้นกับผู้หญิงด้วย
                   แล้ว หญิงที่ถูกคุกคามทางเพศนั้นจะได้รับผลกระทบที่เลวร้ายมาก พูดกันตรงไปตรงมาก็คือในสังคม
                   โบราณที่ยึดมั่นกันว่าผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัวนั้น การที่หญิงถูกจับเนื้อต้องตัวด้วยอารมณ์ราคะของ
                   เพศตรงกันข้ามแล้ว หญิงนั้นจะรู้สึกรังเกียจขยะแขยงที่ถูกสัมผัสจับต้อง ผู้หญิงทุกคนจะรับรู้ได้ว่า
                   สัมผัสแบบใดที่ตนรับได้และสัมผัสแบบใดที่ไม่ถูกต้อง การศึกษาของแมคแนลลี  (McNally  2003) ซึ่ง
                   อ้างถึงการศึกษาของบราวน์และคณะ (Brown et al 1998) ระบุว่าประมาณ ๑ ใน ๓ ของผู้ที่ถูกคุกคาม
                   ทางเพศตั้งแต่วัยเด็กบอกว่าจําอะไรไม่ได้เลยเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ตนถูกคุกคามทางเพศ แต่ต่อมา
                   พบว่าความทรงจําเหล่านี้ถูกกดทับไว้ในเบื้องลึก และสามารถกู้ความทรงจําคืนมาได้ด้วยวิธีการทาง
                   จิตวิทยาขั้นสูงเช่นการสะกดจิต บราวน์บอกว่าสาเหตุที่คนเหล่านี้จําไม่ได้เลยว่าเคยมีเหตุการณ์
                   คุกคามทางเพศเกิดขึ้นกับตนเองเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ็บปวดมากจนเขาต้องใช้พลังกดทับ
   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25