Page 44 - รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย : กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
P. 44
พิจารณาจากอำานาจหน้าที่ตามพระราชกำาหนดการบริหารราชการใน
สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๑๑ ประกอบกับประกาศที่ออกโดยอาศัยอำานาจตาม
มาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำาหนดดังกล่าว และคำาสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ พิเศษ ๒/๒๕๕๓ เรื่อง แต่งตั้ง
ผู้กำากับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
ที่มีความร้ายแรง ข้อ ๒ ข้อ ๓ และข้อ ๔ แล้ว เห็นว่า กฎหมายให้อำานาจหัวหน้าผู้รับผิดชอบ
(ผอ.ศอฉ.) ในการสั่งห้ามกระทำาการใดๆ หรือสั่งให้กระทำาการใดๆ เท่าที่จำาเป็นแก่การรักษา
ความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประเทศ หรือความปลอดภัยของประชาชน และมีอำานาจ
ในการบังคับบัญชาและสั่งการส่วนราชการและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่
เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำาหนดเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัย
ของประเทศหรือความปลอดภัยของประชาชน
การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะผู้อำานวยการ ศอ.รส. และ
ผู้อำานวยการ ศอฉ. มีหนังสือแจ้งให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงผู้ประกอบ
กิจการโทรคมนาคม ปิดกั้นเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง
และมีข้อความที่มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร จึงเป็นการใช้อำานาจในขอบเขตที่กฎหมายให้
อำานาจไว้แล้ว ส่วนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารนั้น เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ
ในประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว บรรดาอำานาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสาร เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการอนุญาต อนุมัติ สั่งการ บังคับบัญชา
หรือช่วยในการป้องกัน แก้ไข ปราบปราม ยับยั้งในสถานการณ์ฉุกเฉิน ย่อมโอนมาเป็นอำานาจ
หน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชกำาหนดการบริหารราชการ
ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการ
สื่อสารจึงเป็นผู้ดำาเนินการตามคำาสั่งของนายสุเทพฯ ในการปิดกั้นเว็บไซต์ โดยอาศัยอำานาจของ
นายสุเทพฯ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้อำานาจไว้ตามประกาศ มาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำาหนดการบริหาร
ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ การดำาเนินการของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสารจึงอยู่ในขอบเขตที่กฎหมายให้อำานาจไว้แล้วเช่นกัน
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในช่วงระยะเวลาที่รัฐบาลประกาศ
สถานการณ์ฉุกเฉิน มีเว็บไซต์จำานวนมากเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่อาจส่งผลกระทบต่อความ
มั่นคง การที่รัฐบาลใช้มาตรการที่มีผลเป็นการระงับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต
ดังกล่าว จึงเป็นการจำากัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๔๕ วรรคสอง ยกเว้นให้กระทำาได้ โดยอาศัยอำานาจตามบทบัญญัติ
ของกฎหมายเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐหรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี
ของประชาชนแล้ว ประกอบกับมาตรการของรัฐในการระงับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อ
อินเทอร์เน็ตนั้น รัฐได้ใช้วิธีการปิดกั้นมิให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลเว็บไซต์ที่ถูกจำากัด มิได้ถึง
42
รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓