Page 43 - รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย : กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
P. 43

พิจารณาจากข้อเท็จจริงและเหตุผลข้างต้นแล้วจึงเห็นว่า  มาตรการ

                     ของรัฐที่มีผลเป็นการระงับการเผยแพร่สัญญาณภาพและเสียงของสถานีโทรทัศน์พีทีวี มีผลเป็น
                     การจำากัดเสรีภาพในการเสนอข่าวสารหรือแสดงความคิดเห็นของสื่อ ตามที่รัฐธรรมนูญให้การ

                     รับรองและคุ้มครองไว้  และทำาให้ประชาชนไม่สามารถรับทราบและเข้าถึงข้อมูลของสื่อที่ถูกระงับ
                     ได้ตามปกติ  อย่างไรก็ตาม การจำากัดเสรีภาพดังกล่าวอยู่ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายให้อำานาจไว้

                     และเป็นการจำากัดเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างที่สถานการณ์บ้านเมืองเกิดความไม่สงบ
                     อันมีเหตุความจำาเป็นและเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว  กรณีจึงเป็นการใช้อำานาจตาม

                     กฎหมายภายใต้ขอบเขตที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้สามารถกระทำาได้
                                             ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า  สถานีโทรทัศน์พีทีวีได้เผยแพร่สัญญาณภาพ

                     และเสียงเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. มาตั้งแต่ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะประกาศสถานการณ์
                     ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง  เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๓ แล้ว โดยที่มีการถ่ายทอดภาพและเสียง

                     การปราศรัยของแกนนำาที่มีลักษณะเป็นทำานองยั่วยุ ปลุกระดมผู้ชุมนุม ให้ก่อความไม่สงบใน
                     บ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง  แต่รัฐบาลก็มิได้ใช้มาตรการใดๆ เพื่อระงับเหตุการณ์ หรือแก้ไขให้

                     สถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายหรือยุติลง  ด้วยการบังคับใช้กฎหมายภายใต้สถานการณ์ปกติ
                     กลับปล่อยให้สถานการณ์ล่วงเลยมาจนเกิดเหตุการณ์ไม่สงบขึ้นหลายครั้ง  จนกระทั่งรัฐบาล

                     ต้องอาศัยอำานาจตามพระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘
                     ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง จึงจะออกมาตรการที่มีผลเป็นการระงับการ

                     เผยแพร่สัญญาณภาพและเสียงของสถานีโทรทัศน์พีทีวี  กรณีดังกล่าวจึงชี้ให้เห็นถึงความ
                     บกพร่องของรัฐบาลในการควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น  ขาดการวางแผนที่ดีพอในการป้องกัน

                     และแก้ไขสถานการณ์ ละเลยต่อหน้าที่ มิได้ใช้บังคับกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เกิดความ
                     สงบสุขในบ้านเมือง

                                             สำาหรับกรณีการปิดกั้นเว็บไซต์  เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า  ภายหลัง
                     จากที่นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำานาจตามพระราชกำาหนด

                     การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน  พ.ศ. ๒๕๔๘  ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความ
                     ร้ายแรง  รวมทั้งออกประกาศและข้อกำาหนดของรัฐบาล เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๓  รัฐบาล

                     ได้มีมาตรการที่มีผลทำาให้เว็บไซต์จำานวนมากถูกปิดกั้นจนไม่สามารถเผยแพร่ข้อมูลได้  และทำาให้
                     ประชาชนไม่สามารถรับทราบและเข้าถึงข้อมูลของเว็บไซต์ดังกล่าวได้ตามปกติ  กรณีจึงถือได้ว่า

                     มาตรการดังกล่าวของรัฐมีผลเป็นการจำากัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลและ
                     สื่อมวลชน

                                             ประเด็นจึงต้องพิจารณาต่อไปว่า  มาตรการของรัฐในการระงับการ
                     เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต ที่มีผลเป็นการจำากัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

                     ของบุคคลและสื่อมวลชนนั้น  รัฐบาลได้ดำาเนินการไปด้วยความจำาเป็นและเหมาะสมกับสถานการณ์
                     ที่เกิดขึ้นหรือไม่



                                                            41
                                                รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
                                   กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓
   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48