Page 49 - รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย : กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
P. 49
เดินขบวนก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าหน้าที่ หรือพระราชบัญญัติรักษา
ความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ และพระราชบัญญัติ
ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นต้น อีกทั้งยังพบว่า ระหว่างการ
เผชิญหน้าระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ทหาร ในบางโอกาส บางสถานที่ กลุ่มผู้ชุมนุมมีการ
ใช้เด็กและสตรีอยู่แถวหน้าในลักษณะโล่มนุษย์ เป็นการกระทำาที่ไม่เหมาะสมและขาดความ
ระมัดระวังภยันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเด็ก สตรี จึงเห็นว่า เป็นการกระทำาที่นอกเหนือจากที่
รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
ในการสลายการชุมนุม หรือการสั่งยุติการชุมนุม หรือการขอคืนพื้นที่ของ
รัฐบาลเป็นการกระทำาที่ชอบด้วยกฎหมายและกติการะหว่างประเทศหรือไม่ นั้น จากการชุมนุม
อันเกินส่วนและกระทบต่อสิทธิของบุคคลอื่น รวมถึง ผู้ที่ไม่ได้ร่วมในการชุมนุมกับกลุ่ม นปช.
รัฐบาลโดยการสั่งการของผู้อำานวยการศูนย์อำานวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินจึงมีคำาสั่งให้
เจ้าหน้าที่ทหารขอคืนพื้นที่ที่กลุ่มผู้ชุมนุมใช้ชุมนุมเกินส่วน เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ การ
ปฏิบัติดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนทั่วไป ตามที่รัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้บัญญัติรับรองและคุ้มครองไว้ โดยมีการขอคืน
พื้นผิวการจราจรบริเวณถนนราชดำาเนินกลาง จากแยกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังสะพาน
สมเด็จพระปิ่นเกล้า ถนนราชดำาเนินนอก จากแยกมิสกวันถึงแยก จปร. และบริเวณถนน
พิษณุโลก จากสะพานชมัยมรุเชฐถึงแยกวังแดง การขอคืนพื้นที่ดังกล่าวเห็นได้ว่า ในเบื้องต้น
รัฐบาลได้ดำาเนินการไปตามมาตรการที่ได้ประกาศไว้ก่อนที่จะมีการรุกคืบเข้าปิดล้อมพื้นที่ โดยใช้
้
การเจรจา ประกาศเตือน และใช้มาตรการตามที่ประกาศไว้ คือ การใช้โล่ กระบอง นำาแรงดันสูง
้
แก๊สนำาตา กระสุนยาง เป็นต้น ซึ่งการกระทำาของรัฐบาลเป็นการกระทำาภายใต้กฎหมายที่ให้
อำานาจไว้ แต่เมื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์และความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการที่ผู้ชุมนุมใช้เด็กและสตรี
เป็นโล่มนุษย์ ใช้ไม้ปลายแหลม ก้อนอิฐตัวหนอน หนังสติ๊กที่ใช้น๊อตเป็นลูกกระสุน รวมทั้งมี
พยานบุคคลยืนยันว่า ผู้ชุมนุมบางรายมีอาวุธปืนทำาการต่อต้านการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ของรัฐ และยังมีกลุ่มชายชุดดำามีอาวุธที่พร้อมจะใช้ความรุนแรงได้ตลอดเวลาปะปนอยู่กับกลุ่ม
ผู้ชุมนุม อันอาจก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ทหารและ
ประชาชนทั่วไปได้ เจ้าหน้าที่ทหารจึงมีความจำาเป็นต้องป้องกันตนเองและผู้อื่นให้พ้นจากภยันตราย
ที่ใกล้จะถึงตัว ที่รุนแรงอาจทำาให้ถึงแก่ชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บได้โดยไม่สามารถใช้วิธีป้องกัน
อย่างอื่นได้
อย่างไรก็ตาม การรุกคืบเข้าปิดล้อมพื้นที่ของรัฐบาล ในวันที่ ๑๐ เมษายน
๒๕๕๓ ขาดการวางแผนที่ดีทั้งการดำาเนินการในเชิงรุกและการป้องกัน ส่งผลให้มีการใช้วิธีการ
้
รุกคืบเข้าปิดล้อมพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม เช่น การใช้เฮลิคอปเตอร์ทิ้งแก๊สนำาตาใส่ผู้ชุมนุม การรุกคืบ
เข้าปิดล้อมในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นวิธีการที่สุ่มเสี่ยงต่อการแทรกแซงจากกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี
47
รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓