Page 42 - รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย : กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
P. 42

การปราศรัยของแกนนำา นปช. หลายครั้ง  ที่มีลักษณะเป็นทำานองยั่วยุ ปลุกระดมผู้ชุมนุมให้ก่อ

                  ความรุนแรงและความไม่สงบในบ้านเมืองอันเป็นภัยต่อความมั่นคง  ในขณะที่สถานการณ์บ้านเมือง
                  เกิดความวุ่นวายและเหตุการณ์ไม่สงบอย่างต่อเนื่อง  อันเข้าข่ายเป็นการกระทำาให้ปรากฏแก่

                  ประชาชนซึ่งมิใช่เป็นการกระทำาภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน
                  หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในบ้านเมือง  หรือเพื่อให้

                  ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๑๑๖
                  จนกระทั่งวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๓  นายกรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความ

                  ร้ายแรง  สถานีโทรทัศน์พีทีวีก็ยังคงเผยแพร่สัญญาณภาพและเสียงเหตุการณ์การชุมนุมของ
                  กลุ่ม นปช. ตลอด ๒๔ ชั่วโมง  ซึ่งเข้าข่ายต้องห้ามมิให้มีการเผยแพร่ตามข้อกำาหนดออกตาม

                  ความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘
                  แม้ว่าการชุมนุมที่เวทีปราศรัยของกลุ่ม นปช. ที่สถานีโทรทัศน์พีทีวีดำาเนินการเผยแพร่ จะมี

                  รูปแบบที่หลากหลาย  นอกเหนือจากการปราศรัยของแกนนำาก็ตาม เช่น มีการแสดงดนตรี
                  นำาเสนอข่าว เป็นต้น  แต่รูปแบบที่หลากหลายดังกล่าวก็มิได้กำาหนดเป็นผังรายการที่แน่นอน ทั้งยัง

                  มีเนื้อหาที่สอดประสานและมีความมุ่งหมายอย่างเดียวกันกับการปราศรัยของแกนนำาบนเวที
                  นอกจากนี้ การนำาเสนอส่วนใหญ่จะเป็นในรูปแบบของการปราศรัยของแกนนำากลุ่ม นปช. มากกว่า

                  รูปแบบอื่น  การเผยแพร่ภาพและเสียงของสถานีโทรทัศน์พีทีวีดังกล่าว  จึงเป็นการกระทำาที่
                  เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอาญา  รวมทั้งข้อกำาหนดที่ออกตามพระราชกำาหนดการบริหารราชการ

                  ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘  อันเป็นเหตุที่รัฐบาลสามารถใช้มาตรการในการระงับ ป้องกัน
                  หรือแก้ไขเพื่อมิให้มีการดำาเนินการดังกล่าวต่อไปได้

                                          ดังนั้น การที่รัฐบาลมีความจำาเป็นต้องใช้มาตรการที่มีผลเป็นการ
                  ระงับการเผยแพร่สัญญาณภาพและเสียงของสถานีดังกล่าว  โดย ศอฉ. ได้ใช้อำานาจสั่งการตาม

                  พระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน  พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๑๑  ประกอบ
                  กับประกาศตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว  และคำาสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ พิเศษ

                  ๒/๒๕๕๓  ข้อ ๒  ข้อ ๓ และข้อ ๔ ให้กองทัพภาค ที่ ๑ กองกำาลังรักษาความสงบ กองทัพภาค
                  ที่ ๑  โดยหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ  กองทัพบก จัดกำาลังเข้ารักษาความปลอดภัย

                  และควบคุมพื้นที่บริเวณสถานีดาวเทียมไทยคม ๒  และได้มีการมอบให้เจ้าหน้าที่ กทช. และ
                  เจ้าหน้าที่สื่อสารเข้าดำาเนินการ  จนกระทั่งสัญญาณภาพและเสียงของสถานีโทรทัศน์ช่องพีทีวี

                  หายไป ในวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๓  จึงเป็นการกระทำาภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายให้อำานาจไว้แล้ว
                  และเป็นการกระทำาเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างที่สถานการณ์บ้านเมืองเกิดความไม่สงบ

                  ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากเจตนารมณ์ในการใช้มาตรการดังกล่าวแล้ว ก่อให้เกิดผลต่อประโยชน์
                  ส่วนรวมมากกว่าผลกระทบที่มีต่อกลุ่มบุคคลที่ถูกจำากัดสิทธิและเสรีภาพ  กรณีจึงเป็นการจำาเป็น

                  เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว





                                                          40
                                             รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
                                กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓
   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47