Page 38 - รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย : กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
P. 38
สถานการณ์ โดยประกาศใช้พระราชบัญญัติดังกล่าวไปจนถึงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๓
พิจารณาแล้ว พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราช-
อาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ แม้จะมีบทบัญญัติที่จำากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลบางประการ แต่เป็น
กฎหมายที่ให้อำานาจแก่ผู้มีอำานาจตามกฎหมายประกาศใช้ในสถานการณ์พิเศษซึ่งจะต้องปรากฏ
เหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แต่ยังไม่มีความจำาเป็นต้องประกาศ
สถานการณ์ฉุกเฉิน และเหตุการณ์นั้นมีแนวโน้มที่จะมีอยู่ต่อไปเป็นเวลานาน ทั้งอยู่ในอำานาจหน้าที่
หรือความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานของรัฐหลายหน่วย ตลอดจนยังต้องกำาหนด
พื้นที่และระยะเวลาการใช้บังคับด้วย และเมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวสิ้นสุดหรือสามารถแก้ไขได้ตาม
อำานาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบตามปกติแล้ว ก็ให้ประกาศยุติการใช้พระราชบัญญัติ
ดังกล่าว พิจารณาแล้วจึงเห็นว่า เจตนารมณ์แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงฯ มี
ความมุ่งหมายเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน
เพื่อให้สามารถป้องกันและระงับภัยที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที ซึ่งมีความจำาเป็นต้องออก
ข้อกำาหนดที่มีการจำากัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนบางประการ เพื่อประโยชน์ในการป้องกัน
ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ภายในพื้นที่ที่กระทบต่อความมั่นคง
ภายในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ อีกทั้งบทบัญญัติ
แห่งกฎหมายดังกล่าวมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป และไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดกรณีหนึ่ง
หรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง และถือว่าเป็นการจำากัดสิทธิและเสรีภาพใน
สถานการณ์ที่พึงใช้บังคับในการป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์
ภายในเขตพื้นที่เป็นการชั่วคราวในบางพื้นที่และกระทำาเท่าที่จำาเป็น กรณีจึงไม่ถือว่าเป็นกฎหมาย
ที่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด
สำาหรับการใช้อำานาจตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงฯ
ดังกล่าว แม้จะมีผลเป็นการจำากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลบางประการ เนื่องจาก ศอ.รส. ได้
ออกประกาศห้ามบุคคลเข้าออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่กำาหนด ห้ามนำาอาวุธออก
นอกเคหสถาน และห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือยานพาหนะในพื้นที่บางพื้นที่ แต่การใช้อำานาจ
ดังกล่าวเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความ
มั่นคงฯ แล้ว เนื่องจากปรากฏเหตุการณ์อันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ โดยส่งผลกระทบต่อความมั่นคง
ภายในราชอาณาจักร แต่ยังไม่มีความจำาเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามกฎหมายว่าด้วย
การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และเหตุการณ์นั้นมีแนวโน้มที่จะดำารงหรือมีอยู่ต่อไป
เป็นเวลานาน ทั้งยังมีกำาหนดเวลาใช้บังคับที่แน่นอน โดย ศอ.รส. ได้จัดกำาลังเจ้าหน้าที่ตำารวจ
ทหารและพลเรือนเพื่อปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ที่ประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงฯ
ในลักษณะของการตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ การรักษาความปลอดภัยสถานที่สำาคัญ มิได้มีการจำากัด
เสรีภาพในการชุมนุมในขณะใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงฯ แต่อย่างใด ดังจะเห็นได้
36
รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓