Page 36 - รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย : กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553
P. 36
เว็บไซต์ / ยูอาร์แอล / ไอพี / เบอร์โทรศัพท์ รวมจำานวน ๖๑๔ เว็บไซต์ / ยูอาร์แอล / ไอพี / เบอร์
โทรศัพท์
ความเห็น
แยกพิจารณาได้ดังนี้
๔.๒.๑ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานครและเขต
ปริมณฑล และจัดตั้งศูนย์อำานวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
พิจารณาแล้วเห็นว่า ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง
ประกาศและข้อกำาหนดของรัฐบาล เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๓ ได้ออกโดยอาศัยอำานาจตาม
ความในมาตรา ๕ มาตรา ๗ มาตรา ๙ และมาตรา ๑๑ แห่งพระราชกำาหนดการบริหารราชการ
ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวได้ให้อำานาจนายกรัฐมนตรีในการออก
ข้อกำาหนดที่มีผลเป็นการจำากัดสิทธิและเสรีภาพบางประการ ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่า เมื่อวันที่
๗ เมษายน ๒๕๕๓ ภายหลังการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง นายกรัฐมนตรี
ได้ออกข้อกำาหนดตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์
ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งมีสาระสำาคัญเป็นการห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ตั้งแต่
ห้าคนขึ้นไป หรือกระทำาการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย และห้ามการเสนอ
ข่าว การจำาหน่าย หรือทำาให้แพร่หลายซึ่งหนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจ
ทำาให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ประกอบกับห้ามใช้เส้นทาง
คมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ห้ามใช้อาคารหรือเข้าไปในสถานที่ใดๆ รวมถึงให้อพยพประชาชน
ออกจากพื้นที่ที่กำาหนดเพื่อความปลอดภัยของประชาชน หรือห้ามผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ ดังนั้น กรณี
จึงชี้ให้เห็นว่า มาตรการของรัฐดังกล่าวมีผลเป็นการจำากัดเสรีภาพในการชุมนุมโดยตรง รวมทั้ง
เป็นการจำากัดสิทธิและเสรีภาพอื่นตามที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองและคุ้มครองไว้ด้วย
ประเด็นจึงต้องพิจารณาต่อไปว่า การที่รัฐบาลใช้อำานาจในการ
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.
๒๕๔๘ และการออกข้อกำาหนด ประกาศ และคำาสั่ง เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๓ อันมีผลเป็น
การจำากัดสิทธิและเสรีภาพนั้น รัฐบาลได้ดำาเนินการไปด้วยความจำาเป็นและเหมาะสมกับ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่
โดยที่พระราชกำาหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.
๒๕๔๘ ได้ให้ความหมายของสถานการณ์ฉุกเฉินไว้ในมาตรา ๔ ว่า
“สถานการณ์อันกระทบหรืออาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน
หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ หรืออาจทำาให้ประเทศหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของประเทศ
ตกอยู่ในภาวะคับขัน หรือมีการกระทำาความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวล
กฎหมายอาญา การรบ หรือการสงคราม ซึ่งจำาเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อรักษาไว้ซึ่ง
34
รายงานผลการตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
กรณีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ระหว่างวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓