Page 18 - คู่มือพนักงานเจ้าหน้าที่
P. 18
พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542 บัญญัติให้คณะกรรมการ
ต้องให้โอกาส ผู้ร้อง ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงรายละเอียดและเสนอพยานหลักฐาน และ
เพื่อให้การรับฟังพยานหลักฐานเป็นไปโดยกว้างขวางเพียงพอ ยังบัญญัติให้คณะกรรมการมีอ านาจ
หน้าที่ในการมีหนังสือสอบถามส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือ รัฐวิสาหกิจ เพื่อให้มีหนังสือชี้แจง
ข้อเท็จจริงหรือให้ความเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการหรืองานใด ๆ หรือส่งวัตถุ เอกสาร หรือ
พยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือส่งผู้แทนมาชี้แจงหรือให้ถ้อยค าประกอบการพิจารณาได้
รวมทั้งให้มีอ านาจหน้าที่ในการมีหนังสือเรียกบุคคล นิติบุคคล หรือหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้องมา
ให้ถ้อยค าหรือให้ส่ง วัตถุ เอกสาร หรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องมา ตามวัน เวลาและสถานที่
ที่ก าหนด ( พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 32 )
กระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนให้ความส าคัญกับการพิสูจน์ความจริง
จากพยานหลักฐาน กระทั่งให้อ านาจคณะกรรมการด าเนินการขอให้ศาลที่มีเขตอ านาจออกหมาย
เพื่อเข้าไปในเคหสถานหรือสถานที่ใดๆเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือเพื่อรวบรวม
พยานหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมีบทก าหนดโทษจ าคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกิน
หนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจ าทั้งปรับ ผู้ไม่มาให้ถ้อยค า หรือ ไม่ส่งวัตถุ เอกสาร หรือพยานหลักฐานที่
ถูกเรียกหรือถูกสั่งให้ส่ง และมีบทก าหนดโทษ จ าคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
หรือทั้งจ าทั้งปรับ ผู้ที่ท าการต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ในการเข้าไปในเคหสถานหรือสถานที่
ใด ๆ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน
นอกจากแหล่งที่มาของพยานหลักฐานและสภาพบังคับให้ได้มาซึ่งพยานหลักฐานแล้ว
กระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนยังค ้าประกันสิทธิของผู้เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น ผู้ร้อง
หรือ ผู้ถูกกล่าวหา และขณะเดียวกันเป็นการค ้าประกันความโปร่งใสในการตรวจสอบ ดังนี้
“ในการพิจารณาตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามวรรคหนึ่ง หากคู่กรณีต้องมา
ปรากฏ ต่อหน้าคณะกรรมการ คู่กรณีมีสิทธิน าทนายความหรือที่ปรึกษา ของตนเข้ามาใน
กระบวนการพิจารณาตรวจสอบได้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการก าหนด” (พระราชบัญญัติ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 26)
คู่มือพนักงานเจ้าหน้าที่ 15

