Page 8 - บทบาทคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
P. 8
ก่อนที่จะลงรายละเอียดต่อไป ว่าเราจะด าเนินภารกิจดังที่มุ่งหมายนี้ได้อย่างไร ควรกล่าวถึง
ประเด็นส าคัญที่สุดอีกประการหนึ่ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้และความเข้าใจร่วมกันของเรา
ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้าแล้ว เกี่ยวกับธรรมชาติและความเป็นจริงของสิทธิมนุษยชนในบริบทและ
สภาพการณ์อันหลากหลาย อันน ามาซึ่งความมุ่งหวังในเสรีภาพของมนุษย์ ความเป็นสากลของสิทธิ
มนุษยชนนั้นย่อมถือก าเนิดอย่างเปี่ยมด้วยพลวัตจากพหุภาวะที่ว่านี้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง สิ่งที่เราก าลัง
แสวงหาก็คือเอกภาพในความหลากหลาย และแน่นอนว่าจะต้องไม่เป็นลักษณะสากลภายใต้ฉลากของ
อ านาจนิยมหรือเผด็จการเบ็ดเสร็จ ซึ่งมีเพียงอ านาจเท่านั้นที่ก่อให้เกิดความชอบธรรม กรณีของ
ประเทศไทยก็เช่นกัน ซึ่งเหมือนกับบรรดาประเทศอื่น ๆ ที่ได้ผ่านหลายทศวรรษแห่งการพัฒนาแบบ
ครอบโลกทั้งใบ ดังที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว แน่นอนว่าเราอาจจะถกเถียงกันไปได้เรื่อยเปื่อยถึงข้อดี
ข้อเสียของการพัฒนาและโลกาภิวัตน์ แต่ค าถามที่จริงแท้ในท้ายที่สุดนั้นอยู่ที่ว่า ผู้คนจริง ๆ นั้นประสบ
กับสภาพอย่างไรในบริบททางสังคมและวัฒนธรรมอันหลากหลายของพวกเขา ซึ่งหมายถึง ชีวิตและ
เลือดเนื้อของมนุษย์ หาใช่ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี)ในฐานะที่เป็นเป้าหมายโดยตัวของมัน
เองไม่ ในแง่นี้ เราจึงต้องมองปัญหาสิทธิมนุษยชนในมิติใหม่ถอดด้ามกันเลยทีเดียว
ณ จุดนี้ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องตั้งค าถามถึงผลกระทบของการ
พัฒนาและโลกาภิวัตน์กันอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ดังที่ เฮลเลอ เดญ ได้ตั้งประเด็นไว้อย่างชัดเจนในเวทีแห่งนี้
ว่า ประเด็นปัญหานั้นไม่ได้อยู่ที่อาชญากรรมและความฉ้อฉลทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ที่ส าคัญยิ่งกว่าก็
คือ ทั้งหมดนี้น ามาซึ่งผลกระทบอันคุกคามต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งหมายถึงบูรณ
9
ภาพแห่งสิทธิมนุษยชนทั้งปวงด้วย โลกทั้งมวลก าลังพูดกันถึงเรื่องนี้กันมากขึ้นทุกที แต่ก็มักเป็นการ
พูดกันในเชิงเป็นเรื่องศีลธรรมสูงส่ง น้อยคนนักที่จะตระหนักจริง ๆ ว่า ชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชน
คนสามัญนั้นเกี่ยวพันกับประเด็นเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างไร ที่กล่าวดังนี้ย่อม
รวมถึงบรรดา “นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน” ด้วยเช่นกัน เรื่องนี้จะเห็นได้ชัดจากกรณีของประชาชนและ
ชุมชนชนบทในภูมิภาคฐานทรัพยากรเขตร้อน ซึ่งเอเชียอาคเนย์ย่อมเป็นตัวอย่างชัดเจนที่สุดแห่งหนึ่ง
โชคร้ายที่ในระดับผู้น าของอาเซียนก็มองข้ามสิ่งเหล่านี้ หรือหากเห็นความส าคัญ ก็เพียงในแง่ของ
การค้าและผลได้เชิงพาณิชย์ชั่วครู่ชั่วยาม ตามแบบฉบับโลกาภิวัตน์จากเบื้องบน และซึ่งยังความสูญเสีย
ต่อมนุษย์และสังคมอย่างเอนกอนันต์ สภาพการณ์ดังกล่าวยังเกี่ยวพันอย่างชัดเจนโดยตรงกับประเด็น
เรื่องสิทธิในวิถีด ารงชีพและการพัฒนาอย่างพึ่งตนเอง เราสงสัยอยู่ว่า เรื่องท านองนี้จะเป็นฐานร่วม
ส าหรับความร่วมมือประสานงานภายใต้กลไกระดับภูมิภาคที่พูดคุยกันมานี้ได้หรือไม่ มากน้อยเพียงใด
กระนั้นก็ดี รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ นับว่าสะท้อนถึงความพยายามที่จะ
แก้ไขสภาพการณ์ไร้ทิศทางดังกล่าวอยู่ไม่น้อย ด้วยเหตุนี้จึงมีการน าเสนอแนวคิดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับ
สิทธิชุมชนและตราขึ้นเป็นบทบัญญัติ ดังปรากฏในหมวด ๓ และ ๕ ว่าด้วย “สิทธิและเสรีภาพของชน
ชาวไทย” และว่าด้วย “แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ” ตามล าดับ ดังนี้
มาตรา ๔๖ บุคคลซึ่งรวมกันเป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมย่อมมีสิทธิอนุรักษ์หรือฟื้นฟูจารีต
ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะหรือวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่นและของชาติ และมีส่วน
๖