Page 6 - บทบาทคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
P. 6
นี่เป็นสถานการณ์โดยคร่าวที่ กสม. ของไทยต้องประสบ และกว่าจะได้กรรมการครบ ๑๑ คน ก็
ต้องผ่านกระบวนการยาวนานซับซ้อนพอสมควร ในการคัดเลือกโดยคณะกรรมการสรรหา ผ่านการ
คัดเลือกโดยวุฒิสภา และได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์ประกอบ
ของคณะกรรมการสรรหานั้นก็นับว่าน่าสนใจ โดยประกอบด้วยกรรมการ ๒๗ คน มาจากองค์กรของรัฐ
๔ คน มาจากสถาบันวิชาการ ๕ คน มาจากองค์กรเอกชน ๑๐ คน มาจากพรรคการเมือง ๕ คน และ
มาจากสื่อมวลชน ๓ คน ผู้ได้รับการเสนอชื่อแต่ละคนจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่า ๓ ใน ๔
ของคณะกรรมการ ในส่วนของวุฒิสภานั้น ผู้ได้รับการเสนอชื่อแต่ละคนจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนไม่
น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจ านวนวุฒิสมาชิกทั้งหมด (๒๐๐ คน) โดยต้องค านึงถึงสัดส่วนที่เหมาะสมระหว่าง
8
ชายและหญิงด้วย นี่คือที่มาของ กสม. แนวคิดโดยรวมนั้นอยู่ที่ว่า คณะกรรมการฯ ควรเป็นตัวแทน
ของทัศนะหลากหลายในสังคมได้อย่างกว้างขวางที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเมื่อมองในภาพรวมก็อาจ
กล่าวได้ว่า องค์กรนอกภาครัฐและกลุ่มประชาสังคมนับเป็นแรงผลักดันที่มีน้ าหนักมากทีเดียว นับแต่
ขั้นตอนของการสรรหาเป็นต้นมา ดังที่สะท้อนอยู่ในองค์ประกอบของ กสม. ชุดปัจจุบัน
ภารกิจเบื้องหน้า
ดังได้กล่าวแล้วถึงเจตนารมณ์ในการปฏิรูปของ “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” ซึ่งแม้จะขัดกับ
ความมุ่งหวังของบรรดานักธุรกิจ-ควบ-การเมืองอยู่ไม่น้อยก็ตาม สิ่งที่เสี่ยงต่อการได้เสียก็คือ
ผลประโยชน์ผูกพันมหาศาลที่แผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว จากการที่ทั้งประเทศเข้าสู่
กระบวนการพัฒนาและโลกาภิวัตน์ชนิดสั่งการจากเบื้องบนลงสู่เบื้องล่าง ในสภาพเงื่อนไขทางการเมือง
ดังกล่าวนี้ ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดที่มักถือกันว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีรากฐานมาจากความไม่ไว้วางใจ
ต่อการเมืองประเภทฉ้อฉลใช้เงินแบบเดิม ๆ และทางออกนั้นอยู่ที่การส่งเสริมให้ “การเมืองภาค
ประชาชน” เป็นพลังถ่วงดุล ดังนั้นจึงมีการเน้นความส าคัญเป็นพิเศษต่อสิทธิและการมีส่วนร่วมของ
ประชาชนทั่วไปในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ส าคัญของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและเศรษฐกิจไทยครั้งนี้
อย่างน้อยที่สุด ความข้อนี้ก็ปรากฏชัดในตัวบทรัฐธรรมนูญ ดังที่กล่าวไว้ในอารัภบทว่า
….สภาร่างรัฐธรรมนูญได้จัดท าร่างรัฐธรรมนูญโดยมีสาระส าคัญเป็นการส่งเสริมและ
คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองและตรวจสอบ
การใช้อ านาจรัฐเพิ่มขึ้น….
นอกจากนี้ยังนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์รัฐธรรมนูญไทยที่ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ
และเสรีภาพของประชาชน” ได้รับการตราไว้ในหมวดแรกว่าด้วยบททั่วไป ตามมาด้วยมาตรา ๕ ที่ว่า
“ประชาชนชาวไทยไม่ว่าเหล่าก าเนิด เพศ หรือศาสนาใด ย่อมอยู่ในความคุ้มครองแห่งรัฐธรรมนูญนี้
เสมอกัน” ดังนั้นจากมุมมองของ กสม. ย่อมถือได้ว่าสิทธิมนุษยชนนั้นเป็น หลักการชี้น า และเป็น
บรรทัดฐานให้แก่การประเมินตรวจสอบการใช้อ านาจโดยชอบของอ านาจอธิปไตยทั้งสามส่วนใน
กระบวนการปกครองและองค์กรอื่นของรัฐ ประเด็นเกี่ยวกับหลักการดังกล่าวนี้ยังปรากฏชัดใน
๔