Page 4 - บทบาทคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
P. 4
และในประการสุดท้าย ไม่มีความจ าเป็นอย่างใดเลยที่ความเป็นสากลหรือลักษณะทั่วไป จะต้อง
ขัดแย้งปีนเกลียวกับลักษณะเฉพาะหรือความหลากหลาย ซึ่งแฝงอยู่ในการน าเสนอแลกเปลี่ยนด้านสิทธิ
มนุษยชน อันที่จริง เราจะแลกเปลี่ยนกันได้อย่างมีความหมาย ก็ต่อเมื่อมีจิตใจที่พร้อมเรียนรู้จากกัน
บนหลักศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์และเสรีภาพพื้นฐาน ทั้งนี้ในขั้นเริ่มต้น เราควรเลิกตั้งแง่หรือ
โต้แย้งกันเสียทีในข้อที่ว่า สิทธิมนุษยชนเป็นสารัตถะนิยมที่ตั้งอยู่บนวัฒนธรรมเพียงแบบใดแบบหนึ่ง
หรือว่าสิทธิมนุษยชนนั้นสัมพัทธ์แปรเปลี่ยนตามวัฒนธรรมต่าง ๆ จุดยืนแบบสารัตถะทางวัฒนธรรมนั้น
ต้องการผูกขาดค าจ ากัดความของสิทธิมนุษยชน ส่วนจุดยืนแบบสัมพัทธภาพทางวัฒนธรรมนั้นต้องการ
ปฏิเสธความเป็นสากลของความมุ่งหวังในเสรีภาพของมนุษย์ ที่ผ่านมา จุดยืนทั้งสองนี้ได้แต่หมกมุ่น
อยู่กับข้อโต้เถียงไร้แก่นสารที่ต่างก็ว่ากันไป และรังแต่ฉุดรั้งไม่ให้เราได้ไปถึงไหน ซ้ าร้ายกว่านั้นก็คือ
มันยังก่อให้เกิดการเมืองของสิทธิมนุษยชนชนิดถอยหลังเข้าคลอง สร้างความเสียหายไปทั่วโลก ทั้งใน
ซีกตะวันออกและตะวันตก ทั้งในแถบเหนือและใต้ สิ่งที่เราเห็นกันอยู่ในทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในด้านหนึ่งได้แก่การบั่นทอนบิดเบือนอุดมคติเกี่ยวกับเสรีภาพของปัจเจกชนและสิทธิในทรัพย์สิน กับ
อีกด้านหนึ่งได้แก่ข้ออ้างแบบอ านาจนิยมที่ยึดเอาการพัฒนาเป็นสรณะเหนือเสรีภาพและประชาธิปไตย
3
ทั้งสองด้านล้วนเป็นปฏิปักษ์ต่อมนุษยชาติและธรรมชาติด้วยกันทั้งสิ้น นอกจากนี้แล้ว ดังที่เรา
ทั้งหลายทราบกันดี สังคมมนุษย์เราผ่านกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจและโลกาภิวัตน์มาเป็นเวลานาน
ทีเดียว ภายใต้เงื่อนไขล่อแหลมต่าง ๆ ก่อให้เกิดความสูญเสียเป็นอันมากแก่ผู้คนและสังคม ครั้นแล้ว
ในทันทีทันใด ก็บังเกิดสงครามต่อต้านการก่อการร้าย ชนิดที่ประกาศเอาเองข้างเดียว ก่อให้เกิดผลพวง
4
ในทางคุกคามและอาจสร้างความเสียหายต่อแนวทางสิทธิมนุษยชนได้ ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่เราจะต้อง
ร่วมมือกันแก้ไขสิ่งต่าง ๆ อย่างจริงใจ ทั้งในทางความคิดและในทางปฏิบัติ
เราได้แต่หวังว่า ข้อพิจารณาท านองนี้จะเป็นที่รับฟังกันอย่างควรแก่เหตุในเวทีนานาชาติเยี่ยงที่
ประชุมแห่งนี้ ประเด็นที่ส าคัญและควรเป็นภูมิหลังให้กับประโยชน์ร่วมและการแลกเปลี่ยนอย่างมี
เป้าหมายของเรา ก็คือความเชื่อมั่นที่ว่า สิทธิและเสรีภาพของประชาชนนั่นแหละคือกุญแจสู่อนาคต นี่
คือสิ่งที่เราจะต้องตราไว้ในใจในการจัดวางสถานะและบทบาทของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ทั้งหลาย รวมทั้งความเป็นไปได้ที่จะมีกลไกระดับภูมิภาคในเอเชียอาคเนย์และในที่อื่น ๆ
ภูมิหลัง
ประเทศไทยเพิ่งเริ่มมีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) เป็นครั้งแรกเมื่อกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาเพียง
เล็กน้อย โดยได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๔๕ ตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร
ไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งคนทั่วไปมักเรียกขานกันว่า “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” คล้ายกับค าขวัญ
“อ านาจของประชาชน” ในช่วงการลุกฮือต่อต้านมาร์คอสที่ประเทศฟิลิปปินส์ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980
กสม. จึงยังอยู่ในช่วงก่อรูปก่อร่าง นอกเหนือจากภารกิจและอ านาจหน้าที่ตามที่ตราไว้ใน
5
พระราชบัญญัติแล้ว คณะกรรมการฯ ยังต้องพัฒนาแผนยุทธศาสตร์และแนวทางการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ก็
เพื่อน าเอาภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และสภาพการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งสถานะแห่งองค์ความรู้และ
สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน ตลอดจนประเด็นเกี่ยวกับแนวทางในการจัดองค์กรทั้งภายในและในส่วน
๒