Page 13 - บทบาทคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
P. 13

และแม้การลุกฮือของประชาชนในช่วงทศวรรษ ๗๐ และ ๙๐ ที่มั่นหมายปฏิรูปสู่ประชาธิปไตยจะน ามาซึ่ง

                 รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ๒๕๔๐ ก็ตาม แต่มรดกตกทอดของระบอบอ านาจนิยมที่ฝังรากเป็นจารีตอยู่
                 ใน “ระบอบอ ามาตยาธิปไตย”  ตามศัพท์วิชาการของ เฟร็ด ริกส์  ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมเป็นส่วนใหญ่
                 รวมถึงปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางด้วย   สภาพการณ์ยังกลับเลวร้ายและซับซ้อน

                 ยิ่งขึ้นไปอีกในช่วงทศวรรษที่ ๗๐ เมื่อระบบเศรษฐกิจไทยถูกดึงเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวงโคจรเศรษฐกิจ

                 การเงินระดับโลกของเสรีนิยมใหม่ โดยมีธนาคารโลก ไอเอ็มเอฟ และดับบลิวทีโอเป็นเครื่องมือในการ
                 ขยายอ านาจครอบง า   และจากการบงการของสิ่งที่เรียกว่า “ฉันทานุมัติวอชิงตัน”  เมืองไทยก็ถูกบีบให้
                 เข้าร่วมในสูตรส าเร็จทางเศรษฐกิจการเมืองเพื่อโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งรวมถึง การเปิดเสรี

                 การยกเลิกกฎเกณฑ์ และการแปรรูปให้เป็นของเอกชน   อันที่จริง ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

                 ทั้งหมดก็ถูกบีบให้ยอมรับสภาพเงื่อนไขเดียวกันนี้  ทั้งหมดนี้ย่อมท าให้ปัญหาสิทธิมนุษยชนมีความ
                 สลับซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีกทั้งในแง่ของสาเหตุและผลลัพธ์ที่ตามมา   สิ่งที่ประสบเหมือนกันหมดในภูมิภาค
                 นี้ และที่จริงรวมไปตลอดทั่วโลก ก็คือว่า ประเด็นสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมกลายเป็น

                 ประเด็นส าคัญที่สุดที่นักคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนจะต้องผลักดัน  และแท้ที่จริงสิทธิเหล่านี้ก็

                 ผูกพันแน่นแฟ้นกับสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง  ส่วนใหญ่แล้วสิทธิจ าพวกหนึ่งก็น าไปสู่สิทธิอีก
                 จ าพวกหนึ่งด้วยเสมอ ดังที่กรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นอันมากในประเทศไทยพอจะชี้ให้เห็นได้
                 อย่างชัดเจน   ประสบการณ์เชิงรูปธรรมเหล่านี้ท าให้เราเห็นได้ชัดถึงการที่สิทธิมนุษยชนทั้งหลายไม่อาจ

                 แยกขาดจากกัน สัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และอาศัยซึ่งกันและกัน   กลไกคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน

                 ระดับชาติหรือระดับภูมิภาค ไม่ว่าในที่แห่งใด จะต้องตระหนักถึงความจริงข้อนี้ในการด าเนินภารกิจ
                 ส่งเสริมคุ้มครองสิทธิมนุษยชน  หากไม่ประสงค์จะจบลงด้วยความล้มเหลว

                        ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม โดยตัวของมันเอง ยังมีความหมาย

                 ที่แตกต่างออกไปในสังคมชนบทซึ่งอิงอาศัยฐานทรัพยากรดังเช่นประเทศไทย  และย่อมรวมถึงเอเชีย
                 อาคเนย์โดยรวม  ในสังคมอุตสาหกรรมนั้น ทางออกย่อมอยู่ที่มาตรการแบบสวัสดิการของรัฐ  แต่ใน

                 บริบทของชนบทและฐานทรัพยากรแล้ว ประชาชนย่อมมุ่งหวังสิทธิในการพึ่งตนเองและสิทธิในการ
                 ก าหนดใจตนเองเป็นส าคัญ  จะว่าไป ความข้อนี้ก็สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของหลักเสรีนิยมด้วยซ้ า   นี่

                 คือความหมายของ “สิทธิชุมชน”  ดังที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับ“ปฏิรูป”  ปัจจุบันของไทย  และ
                 แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมมีนัยเกี่ยวพันกับสถานการณ์ในที่อื่น ๆ ด้วย  หากเป็นเช่นนี้จริง  กลไกสิทธิ

                 มนุษยชนในระดับภูมิภาคก็จะมีรูปธรรมบางอย่างร่วมกันเป็นจุดเริ่มต้น   สิ่งที่ส าคัญอย่างยิ่งในข้อเสนอ
                 ท านองนี้ก็คือว่า ทั้งหมดนี้เริ่มต้นที่ประชาชน และหากจะต้องเกี่ยวพันกับอธิปไตยแห่งรัฐก็มีน้อยมาก

                 ทั้งนี้เพราะอ านาจอธิปไตยแห่งรัฐนั้น ส่วนใหญ่แล้ว มักเป็นเครื่องกีดขวางเส้นทางแห่งการกระท าการสู่
                 สิทธิเสรีภาพพื้นฐานของมนุษย์




                                                                                 ตุลาคม  ๒๕๔๕







                                                            ๑๑
   8   9   10   11   12   13   14   15   16