Page 12 - บทบาทคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
P. 12
มีการจัดกลุ่มของคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องไว้ด้วยกันเพื่อให้สะดวกต่อการประสานงาน และแน่นอน
ว่าทั้งหมดนี้ย่อมอยู่ภายใต้การตัดสินใจและความรับผิดชอบของ กสม.
การสร้างเครือข่ายในระดับชั้นแรกดังบรรยายมานี้ย่อมกอปรด้วยเครือข่ายระดับชั้นที่สองอยู่ใน
ตัวเอง เนื่องจากสมาชิกของคณะอนุกรรมการส่วนใหญ่หรือแทบทั้งหมด ล้วนมีเครือข่ายด้านวิชาชีพ
หรือประชาสังคมของตนเองอยู่แล้วเป็นปฐม ไม่ว่าจะเป็นสถาบันอุดมศึกษา สภาทนายความแห่งประเทศ
ไทย คณะกรรมการประสานองค์กรพัฒนาเอกชน สหภาพเพื่อสิทธิเสรีภาพ คณะกรรมการประสานงาน
สิทธิมนุษยชน กลุ่มด้านสิทธิสตรี กลุ่มด้านสิทธิเด็ก ฟอรั่มเอเชีย หรืออื่น ๆ ดังนั้น ในขณะที่เครือข่าย
ไตรภาคีในระดับชั้นแรกมีส่วนร่วมโดยตรงในกระบวนการตัดสินใจ เครือข่ายในชั้นที่สองก็อาจได้รับการ
ทาบทามให้ช่วยเสนอความคิดเห็นค าปรึกษา เกี่ยวกับประเด็นปัญหาต่าง ๆ รวมทั้งเข้าร่วมใน
กระบวนการศึกษาตรวจสอบกรณีเฉพาะต่าง ๆ โดยมีอาณัติตามกฎหมายในระดับหนึ่ง
ส่วนการสร้างเครือข่ายที่กว้างขวางไปกว่านี้ยังอยู่ในขั้นด าเนินการ อันที่จริง การขยายเครือข่าย
นี้นับเป็นกระบวนการเปิดกว้างและเชื่อมโยงสู่ระบบภายใน ซึ่งเราตั้งใจให้เป็นส่วนหนึ่งในการด าเนินงาน
ของ กสม. หลักการนั้นอยู่ที่การประสานสัมพันธ์กับกลุ่มพลเมืองและกลุ่มอาชีพหลากหลายในทุกระดับ
ของสังคม ทั้งในเมืองและในชนบท และย่อมเป็นความสัมพันธ์แบบสื่อสารสองทาง มีการเรียนรู้จากกัน
และกันอย่างต่อเนื่อง ตรงนี้เอง ที่ภารกิจด้านการวิจัย ศึกษา และเผยแพร่จะมีบทบาทส าคัญยิ่ง ซึ่งได้แก่
การเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ และเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการแทรกแซงและเสริมสร้างพลัง
ทางสังคม เพื่อส่งเสริมคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
สิ่งที่พึงเน้นย้ าก็คือ รายละเอียดเกี่ยวกับความใส่ใจของ กสม. ต่อประเด็นด้านนโยบายสาธารณะ
และการพัฒนาวัฒนธรรมสิทธิมนุษยชนในระยะยาวดังที่ได้น าเสนอมานี้ มิได้มีนัยแต่อย่างใดเลยว่า กรณี
การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นวันต่อวันนั้น จะได้รับความใส่ใจน้อยกว่า ตรงกันข้าม กสม. ชุด
ปัจจุบันมีความเข้าใจและเห็นพ้องต้องกันว่า กรณีที่มีการร้องเรียนหรือที่ได้รับรู้มาทุกกรณีการละเมิด
สิทธิจะต้องถือเป็นเรื่องส าคัญ และจะต้องหาทางเยียวยาแก้ไขให้ลุล่วงโดยขยายผลออกไปด้วย
กล่าวคือ คณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องจะต้องตรวจสอบและหาทางศึกษาวิจัยให้น าไปสู่การปฏิรูป
กฎหมายหรือปรับปรุงแก้ไขนโยบายที่เกี่ยวข้องในกรณีที่จ าเป็นด้วย อนึ่ง เมื่อต้องเกี่ยวข้องกับประเด็น
ด้านนโยบายสาธารณะ กสม. ยึดหลักที่จะไม่เข้าไปแทรกแซงการตัดสินใจของรัฐบาลในการใช้อ านาจ
บริหารโดยตรง หากมุ่งไปที่ประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ อาทิเช่น
สิทธิในการแสดงความคิดเห็น การได้รับข้อมูลข่าวสาร การมีส่วนร่วมในกระบวนการประชาพิจารณ์
และอื่น ๆ และหากกฎหมายหรือการด าเนินนโยบายก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมหรือไม่เหมาะสม จึง
ค่อยมีการแนะน าให้เปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงแก้ไขตามสมควรแก่กรณี
บทสรุป : มุมมองระดับภูมิภาค
สังคมไทยก็เฉกเช่นเดียวกับเพื่อนบ้านในเอเชียอาคเนย์ ที่ได้ผ่านความเปลี่ยนแปลงเชิง
โครงสร้าง ท่ามกลางผลกระทบคุกคามจากการพัฒนาเศรษฐกิจและโลกาภิวัตน์ในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา
๑๐