Page 122 - รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก
P. 122
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
96 ต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก
แห่งชาติยังมีบทบาทเชิงรุกประการหนึ่งตามอำานาจหน้าที่ใน มาตรา ๒๕๗ วรรคหนึ่ง (๕) ของ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และมาตรา ๑๕ (๓) แห่งพระราชบัญญัติ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ คือ เสนอแนะนโยบายและข้อเสนอแนะใน
การปรับปรุงกฎหมายและกฏต่อรัฐสภาหรือคณะรัฐมนตรีเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ซึ่งในการพิจารณาดำาเนินการต่อกรณีร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก คณะกรรมการ
สิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ดำาเนินการตามอำานาจหน้าที่ดังกล่าว โดยการพิจารณาตรวจสอบกรณี
การออกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำาหนดประเภท ขนาด และ
วิธีปฏิบัติสำาหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้าน
คุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชนจะต้อง
จัดทำารายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๓ ทั้งในเชิงกระบวนการและเนื้อหา พิจารณา
การออกประกาศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายและการดำาเนินงานของรัฐบาล
ในการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มาบตาพุดและจังหวัดระยอง โดยจัดให้มี
การระดมความคิดเห็นของเครือข่ายสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศ นักวิชาการ ผู้แทนส่วนราชการ หน่วยงาน
ของรัฐ ผู้แทนองค์กรภาคเอกชน ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรม
รวมถึงสื่อมวลชนทุกแขนง เพื่อจัดทำาเป็นรายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อกรณีร้องเรียนของ
เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ทั้งนี้ เนื่องจากในปัจจุบันชุมชนในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ได้รับ
ผลกระทบในลักษณะใกล้เคียงกันจากการพัฒนาอุตสาหกรรมและการดำาเนินโครงการต่างๆ ตาม
นโยบายของรัฐบาล อันถือเป็นภาระผูกพันของรัฐบาลในการเร่งแก้ไขเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับความ
เสียหาย และดำาเนินนโยบายและมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีกในระยะยาว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดให้มีกฎหมายและกฏ ตลอดจนการใช้บังคับกฎหมายและกฎเหล่านั้น
ให้เป็นตามหลักการ มาตรา ๖๗ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐
สำาหรับอำานาจหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในการ “เสนอเรื่องพร้อมด้วย
ความเห็น” ต่อศาลปกครองในกรณีที่เห็นชอบ ตามที่มีผู้ร้องเรียนว่า กฎ คำาสั่ง หรือการกระทำาอื่นใด
ในทางปกครองกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
ตามมาตรา ๒๕๗ วรรคหนึ่ง (๓) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ นั้น
หากกรณีร้องเรียนเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติย่อมจะต้องดำาเนินการไปตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง
และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งมาตรา ๔๕ ของพระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำาหนด
เงื่อนไขในการนำาเรื่องมาสู่ศาลไว้ว่าจะต้องอยู่ในรูปของ “การฟ้องคดี”

