Page 117 - รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก
P. 117
ต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก 91
รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ประเด็นที่พิจารณาได้จากเรื่องร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ที่ว่าการ
ที่รัฐบาลออกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉบับลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม
๒๕๕๓ นั้น เป็นการกระทำาที่มีลักษณะทำาตามแบบพิธี โดยหวังแต่เพียงให้เกิดตัวประกาศเพื่อ
จะนำาไปสู่การประกาศในราชกิจจานุเบกษา และใช้เป็นหลักฐานนำาส่งศาลปกครองกลางต่อไปนั้น
อาจพิจารณาได้ว่า ในการออกกฎหมายดังกล่าวฝ่ายบริหารได้ยึดกฎหมายและระเบียบปฏิบัติเป็น
เป้าหมายปลายทาง (ends) แทนที่จะใช้เป็นวิธีการ (means) ซึ่งนอกจากจะมีผลกระทบต่อประชาชน
แล้วยังเป็นการกระทำาที่ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลที่ดีอีกด้วย
ในเมื่อเจตนารมณ์ของ มาตรา ๖๗ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๕๐ ไม่ใช่การสร้างระบบการให้อนุญาตตามที่มีผู้เข้าใจคลาดเคลื่อน หากแต่เป็น
การสร้างกระบวนการต่างๆ เพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิชุมชน ดังนั้น การที่รัฐบาลออกประกาศ
ดังกล่าวเพียงเพื่อแบบพิธี ก็เท่ากับว่ารัฐบาลยังไม่ได้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลจึงยังคงมีหน้าที่
และความรับผิดชอบในการออกกฎหมายให้บรรลุวัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญ หากปล่อยเลยผ่านไป
โดยปราศจากการตรวจสอบ กฎหมายของฝ่ายบริหารที่ออกมาในลักษณะดังกล่าวจะมีมากขึ้น
และไม่มีการยกเลิกเพิกถอน
การที่รัฐบาลออกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉบับลงวันที่
๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ โดยมุ่งที่จะทำาตามแบบพิธี ทำาให้ประกาศฉบับดังกล่าว มีปัญหาเกี่ยวกับความ
ถูกต้องเหมาะสมทั้งในเชิง “เนื้อหา” และ “กระบวนการ” กล่าวคือ
๑) คว�มไม่ถูกต้องเหม�ะสมในเชิง “เนื้อห�”
ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฉบับลงวันที่ ๓๑
สิงหาคม ๒๕๕๓ ได้กำาหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชุมชน
ตามหลักการของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๖๗ วรรคสอง
จำานวน ๑๑ รายการ เพื่อให้โครงการต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต้องดำาเนินการ
ประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ การจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และให้
องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพให้ความเห็นประกอบ ซึ่งจะช่วยให้การตัดสินใจเพื่อดำาเนิน
โครงการขนาดใหญ่ต่างๆ เป็นไปอย่างรอบคอบ มิใช่ให้ดำาเนินโครงการไปก่อนจนเกิดผลกระทบแล้ว
จึงหาทางเยียวยาแก้ไขในภายหลัง แต่จากข้อมูลการเปรียบเทียบประเภทโครงการหรือกิจการตาม
ข้อเสนอของคณะกรรมการสี่ฝ่าย ที่มีจำานวน ๑๘ รายการ กับประเภทโครงการหรือกิจการตามมติของ
คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติที่แนบท้ายประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ฉบับลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ ปรากฏว่า มีการตัดประเภทโครงการหรือกิจการตามข้อเสนอของ
๒๑
คณะกรรมการสี่ฝ่าย ออก จำานวน ๗ รายการ ได้แก่
๒๑
มูลนิธินโยบายสุขภาวะ, “เอกสารข้อมูลการเปรียบเทียบโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อ
ชุมชนอย่างรุนแรงฯ ตามมาตรา ๖๗ วรรคสอง (ข้อเสนอของคณะกรรมการสี่ฝ่ายต่อรัฐบาล เปรียบเทียบกับ

