Page 29 - แด่ศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน : วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 29

28       แดศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน



                ทั้งนี้เพราะขนบของสังคมไม่ได้เป็นกฎเกณฑ์เพียงข้อเดียว หากเป็นชุดกฎเกณฑ์ที่สัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่องไม่รู้
                จบ จนท้ายที่สุดไม่มีใครสามารถทําตามกฎเกณฑ์ที่สังคมกําหนดไว้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ดังนั้นทุกคนจึง

                ได้ชื่อว่าเป็นเควียร์เหมือนกันหมด

                       ความเป็นเควียร์ของชาวนาครเขษมไม่ได้เกิดจากความปรารถนาในเพศเดียวกัน หากเกิดจากความ
                ปรารถนาที่จะทําตามกฎอย่างเคร่งครัด พนักงานเหล่านี้อุทิศตนเพื่องานจนไม่มีเวลาสร้างความสัมพันธ์กับ

                ผู้อื่น มีชีวิตครอบครัวและให้กําเนิดบุตร ตามที่สังคมต้องการ วิชัยต้องการทําความรู้จักกับพนักงานพิมพ์ดีดที่
                นั่งหันหลังพิมพ์ดีดอยู่ตลอดเวลา แต่เนื่องจากเธอไม่เคยหยุดพิมพ์ดีด วิชัยและเพื่อนร่วมงานคนอื่นจึงไม่มี

                โอกาสทําความรู้จักเธอ หรือน้าปรีชาซึ่งพยายามทําตัวกลางๆ เพื่อไม่เป็นที่สังเกตได้ง่าย ความพยายามทําตัว
                เป็น “ปกติ” ของน้าปรีชาทําให้เขาสูญเสียโอกาสที่จะแต่งงานมีครอบครัว “น้าปรีชารู้สึกปลอดภัยเสมอที่จะ

                ได้เป็นคนตรงกลาง นั่นทําให้แกยังไม่ยอมแต่งงาน เพราะการแต่งงานจะทําให้น้าปรีชาไม่ได้นอนตรงกลาง
                เตียงอีกต่อไป” (คอยนุช, 2549: 48) หรือคุณดํารงซึ่ง “งานยุ่งจนไม่มีเวลาทําอะไร” เวลาของคุณดํารงหมด

                ไปกับกิจกรรมต่างๆ ที่สอดคล้องกับลีลาชีวิตของคนเมือง เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นคนทันสมัยไม่ตกยุค “คุณดํารง
                คิดว่า ถ้าตอนนั้นชีวิตคุณดํารงไม่ยุ่งจนเกินไป หรือถ้าแกพอจะหาเวลาได้บ้าง แกคงทําอะไรได้มากกว่าการ

                เป็นแค่พนักงานออฟฟิศ […] แกคงได้มีเวลามองหาผู้หญิงที่จะมานั่งฟังแกพูดคนเดียว และคงมีเวลามีลูกสาว
                หรือลูกชาย” (คอยนุช, 2549: 52) นอกจากสังคมเมืองต้องการให้ผู้คนมีรูปแบบชีวิตที่สอดคล้องกับ
                อุดมการณ์ของสังคมที่เน้นการผลิตและการบริโภคแล้ว ผู้ที่อยู่ในสังคมยังต้องประพฤติตนตามแบบแผนรัก

                ต่างเพศด้วยการแต่งงาน มีครอบครัว และมีบุตร ภายใต้โครงสร้างของสังคมเมืองที่เรียกร้องให้ผู้คนทํา
                กิจกรรมต่างๆ มากมายเพื่อได้ชื่อว่าเป็นคน “ปกติ” ผู้ที่อาศัยในสังคมเมืองแห่งนี้ย่อมหนีไม่พ้นความล้มเหลว

                การไม่สามารถทําตามขนบกฎเกณฑ์ตามที่สังคมกําหนดได้ทั้งหมดทําให้ตัวละครเหล่านี้ได้ชื่อว่าเป็น “เควียร์”
                ไม่แบบใดก็แบบหนึ่ง


                       ความเป็นเควียร์ของชาวนาครเขษมมิได้เกิดจากการมุ่งมั่นทําแต่งานเพียงอย่างเดียวจนไม่มีเวลามี
                ครอบครัว หากยังเกี่ยวข้องกับอายุอีกด้วย ใน นาครเขษม สังคมทุนนิยมให้ความหมายแก่ความสูงวัยว่า

                หมายถึงความเสื่อมโทรมและไร้สมรรถภาพ เมื่อวิชัยอายุครบ 40 เขาพบว่าอวัยวะเพศทํางานผิดปกติ “ก่อน
                จะมาหาหมอ อวัยวะเพศของวิชัยยังคงทําหน้าที่ของมันได้ดี เวลาที่วิชัยดูรูปโป๊หรือหนังโป๊ แต่เมื่อวิชัยเจอ

                ยางลบก้อนนั้นและคิดเรื่องการหายตัวไปของพนักงานบริษัทที่มีอายุ 40 ปี อวัยวะเพศของวิชัยก็ไม่สามารถ
                ทําหน้าที่ของมันได้อีก” (คอยนุช, 2549: 17) ความผิดปกติของอวัยวะเพศที่เกิดกับวิชัยแยกไม่ออกจากระบบ
                ทุนนิยมที่เชื่อมโยงความมีสมรรถภาพของร่างกาย (able-bodiedness) กับเพศวิถีแบบรักต่างเพศ

                (heterosexuality) ร่างกายที่มีสมรรถภาพ (ability) เป็นร่างกายของคนในวัยหนุ่มสาว  ดังนั้นเมื่อวิชัยอายุ
                40 เขากลายเป็น “คนแก่” ที่ไร้สมรรถภาพ ความเป็นชายของวิชัยจึงหมดลงไปด้วย ทฤษฎีเควียร์ชี้ให้เห็นว่า

                ความเป็นหญิงและความเป็นชายไม่ได้มีมาแต่กําเนิด แต่เป็นผลของการประกอบสร้างของสังคมช่วยอธิบาย
   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34