Page 73 - สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงานและบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
P. 73
การละเมิดสิทธิแรงงาน
คนทำงานภาคเอกชน
เกี่ยวกับงานบ้านที่ไม่ได้มีการประกอบธุรกิจอยู่ด้วย เช่น ลูกจ้างทำงานบ้าน หรือแม่บ้าน เป็นต้น
ณ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๐ มีนายจ้างที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานกองทุนเงินทดแทน จำนวน
๓๑๙,๙๐๔ ราย และลูกจ้างในข่ายคุ้มครองกองทุนเงินทดแทน จำนวน ๘,๐๙๓,๙๑๓ คน
ในรอบ ๕ ปี คณะอนุกรรมการ ฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนในประเด็นนี้ จำนวน ๑๔ เรื่อง
ซึ่งมีรายละเอียดของกรณีตัวอย่าง ดังนี้
(๑) นายจ้างในกิจการปันทอฟอกย้อม จังหวัดสมุทรปราการ นายจ้างไม่ให้ความสำคัญ
ในเรื่องความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อสหภาพแรงงานได้ร้องเรียน
ต่อหน่วยงานภาครัฐ ว่าอาคารที่ถูกเพลิงไหม้ไม่อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย จนกระทั่งนายกเทศมนตรีใน
ฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มีคำสั่งห้ามใช้อาคารหรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อาคารเนื่องจากอาจเป็น
อันตรายตามมาตรา ๔๐ วรรคหนึ่งหรือมาตรา ๔๑ วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร
พ.ศ. ๒๕๒๒ เฉพาะส่วนที่เคยถูกเพลิงไหม้และให้นายจ้างหรือเจ้าของอาคารมายื่นแบบขออนุญาต
ดัดแปลงอาคารภายใน ๓๐ วันนับแต่วันได้รับคำสั่ง
นอกจากนี้ กองตรวจความปลอดภัยร่วมกับสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด
สมุทรปราการ เข้าตรวจสอบสถานประกอบกิจการ พบว่านายจ้างปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกฎหมายว่า
ด้วยความปลอดภัย สารเคมีอันตราย ภาวะแวดล้อมเรื่องเสียง หม้อน้ำร้อน อัคคีภัย และ
ความปลอดภัยในการทำงานของลูกจ้าง จึงออก
คำสั่งให้นายจ้างปรับปรุงแก้ไข ภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันได้รับคำสั่ง ซึ่งนายจ้างได้ปฏิบัติตาม
ในขณะเดียวกัน นายจ้างกลับนำเครื่องจักร
จำนวน ๒ เครื่อง น้ำหนักประมาณ ๓๔ ตัน ติดตั้ง
บนอาคารที่เคยเกิดเพลิงไหม้และมีรอยแตกร้าว
ลูกจ้างเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงได้ลงลายมือชื่อ
รวม ๗๒๕ คน ร้องเรียนให้จังหวัดสมุทรปราการ
ตรวจสอบ
ต่อมา ลูกจ้างได้ยื่นหนังสือต่อกระทรวงแรงงาน ให้ตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยในการ
ใช้อาคาร เสียงและฝุ่นละออง เจ้าหน้าที่ศูนย์ความปลอดภัยในการทำงานได้เข้าร่วมตรวจสอบเรื่อง
ฝุ่นและเสียง ๒ ครั้ง แต่ก็ไม่มีการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น สหภาพแรงงานจึงได้นำสมาชิกเดินขบวน
ไปทวงถามที่กระทรวงแรงงาน และติดตามผลเป็นระยะ ๆ
เมื่อรัฐบาลไม่แก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ลูกจ้างหรือสหภาพแรงงานก็หันไปพึ่งกระบวนการ
ยุติธรรม ทำให้มีการฟ้องคดีซึ่งกันและกันมากขึ้นจนทำให้ความขัดแย้งบานปลาย นายจ้างจึงกลั่นแกล้ง
ลูกจ้างมากยิ่งขึ้น เช่น ไม่ให้ประธานสหภาพแรงงานและผู้ช่วยเลขานุการสหภาพแรงงานเข้าทำงาน
แต่ให้มาตอกบัตรลงเวลาทำงานทุกวัน ย้ายกรรมการสหภาพแรงงานและกรรมการลูกจ้างไปทำงานที่
แผนกเดียวกันและต่อมายุบแผนกงานนั้นเสีย สั่งหยุดกิจการชั่วคราวและจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างร้อยละ
๕๐ ตามกฎหมาย เป็นวิธีการหนึ่งที่จะบีบคั้นให้ลูกจ้างลาออกจากงาน (รายงานผลการตรวจสอบที่
และบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน ๗๓
Master 2 anu .indd 73 7/28/08 8:54:04 PM