Page 293 - สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงานและบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
P. 293
การดำเนินการตรวจสอบ
คณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานได้พิจารณาคำร้องและเอกสารของผู้ร้องประกอบแล้ว เห็นว่า ประเด็น
สำคัญของคำร้องเป็นเรื่องผู้ร้องและคนงานไทยที่ไต้หวันถูกบริษัท KRTC และบริษัทผู้รับเหมาที่ไต้หวันละเมิด
สิทธิและปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนงานไทย ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานจึงมีหนังสือด่วนที่สุด ที่
สม ๐๐๐๓/๒๑๔๑ ลงวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๔๘ ขอให้กรมการจัดหางานซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องดัง
กล่าวตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ร้องและคนงานไทยโดยด่วน
ต่อมา กรมการจัดหางานมีหนังสือ ที่ รง ๐๓๑๑/๑๖๒๖๐ ลงวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๔๘ ตอบชี้แจงต่อ
คณะอนุกรรมการฯ สรุปได้ดังนี้
ฝ่ายผู้ร้องถูกส่งกลับประเทศไทยโดยนายจ้างอ้างว่า ผู้ร้องขัดขืนคำสั่งของนายจ้าง และ นายจ้างทำ
ผิดสัญญาไม่ให้ผู้ร้องและคนงานไทยใช้โทรศัพท์มือถือ ผู้ร้องต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง ฯลฯ ฝ่ายบริษัท
จัดหางานฯ ผู้ถูกร้องที่ ๑ ชี้แจงว่า ผู้ร้องถูกส่งกลับประเทศไทยเพราะทำผิดกฎระเบียบของนายจ้าง ผู้ร้อง
ยอมรับผิดและได้ยกเลิกสัญญาจ้างเองโดยสมัครใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๔๘ ผู้ร้องกับผู้ถูกร้องที่ ๑ สามารถตกลงกันได้โดยผู้ถูกร้อง
ที่ ๑ ได้จ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ร้องจำนวน ๒๗,๐๐๐ บาทแล้ว ซึ่งผู้ร้องพอใจ ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่า บริษัท KRTC
ที่ไต้หวันทำผิดสัญญากับคนงานไทยนั้น กรมการจัดหางานได้ประสานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อ
แก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว
นอกจากนี้ กรมการจัดหางานยังชี้แจงเพิ่มเติมว่า กรณี บริษัท KRTC ที่ไต้หวันไม่ปฏิบัติตามสัญญา
กับคนงานไทยนั้น ปรากฏว่า เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๔๘ คนงานไทยได้ประท้วงและก่อเหตุเผาทำลาย
ทรัพย์สินในที่พักอาศัยคนงาน ซึ่งคณะกรรมการกิจการแรงงานไต้หวัน(COUNCIL OF LABOUR AFFAIR - CLA)
ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว
คณะอนุกรรมการฯ เห็นว่า แม้ผู้ร้องกับผู้ถูกร้องที่ ๑ ตกลงกันได้และผู้ร้องพึงพอใจในการช่วยเหลือดัง
กล่าวแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากปัญหาคนงานไทยที่ไต้หวันถูกละเมิดสิทธิ จนกระทั่งความขัดแย้งบานปลายจน
เกิดเหตุเผาและทำลายทรัพย์สินของนายจ้างนับว่าเป็นกรณีร้ายแรงยิ่ง จำเป็นที่รัฐบาลไทยจะต้องมีนโยบาย
ที่ชัดเจนในการส่งคนงานไทยไปทำงานที่ไต้หวันและมีแนวทางหรือมาตรการในการป้องกันมิให้เกิดปัญหา
ทำนองดังกล่าวขึ้นอีก คณะอนุกรรมการฯ จึงมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายดังนี้
ข้อสังเกตของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน
๑. การตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมการจัดหางานกรณีผู้ร้อง โดยการสอบถามข้อเท็จจริงจากผู้ร้อง
และบริษัทจัดหางานฯ ผู้ถูกร้องที่ ๑ น่าจะไม่เพียงพอ ส่วนกรณีที่ผู้ถูกร้องที่ ๑ อ้างว่าผู้ร้องถูกส่งกลับ
ประเทศเพราะผู้ร้องขัดขืนคำสั่งของนายจ้างนั้นก็ยังไม่ปรากฏชัดเจนว่าขัดขืนคำสั่งนายจ้างในเรื่องใด ซึ่งหาก
พิจารณาข้อเท็จจริงจากผู้ร้อง น่าจะเป็นเรื่องที่นายจ้างห้ามคนงานไทยมีหรือใช้โทรศัพท์มือถือในที่พักอาศัย
หากข้อเท็จจริงเป็นเช่นว่านี้ คำสั่งของนายจ้างย่อมเป็นการละเมิดสิทธิของคนงานไทย ซึ่งต่อมาจากการ
เจรจาต่อรองของกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายจ้างยอมยกเลิกระเบียบดังกล่าว
๒. เนื่องจากกรณีนี้ปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณชนทั้งในระดับประเทศและในทางสากล หน่วยงานระดับ
นโยบายทั้งของไทยและไต้หวันจึงให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหา และมีการดำเนินการที่ค่อนข้างฉับไว
การดำเนินการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลไทย
ปลัดกระทรวงแรงงานไทย มีหนังสือ ที่ รง ๐๒๐๕.๒/๔๓๑๐ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๔๘ ตอบ
ชี้แจงต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (ไทย) สรุปได้ดังนี้
(๑) กระทรวงแรงงานให้ความสำคัญกับกรณีดังกล่าวในลำดับสูงสุด โดยได้รายงานข้อเท็จจริงให้คณะ
และบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน ๒๙๓
Master 2 anu .indd 293 7/28/08 9:23:28 PM