Page 280 - สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงานและบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
P. 280
เมื่อผู้ร้องใช้สิทธิยื่นข้อเรียกร้องให้มีผลกับลูกจ้างผู้รับเหมาค่าแรง หรือกรณีลูกจ้างของผู้รับเหมา
ค่าแรงจะยื่นข้อเรียกร้องต่อผู้ถูกร้อง ผู้ถูกร้องก็อ้างว่าตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ ไม่
อนุญาตให้ผู้ร้องหรือลูกจ้างของผู้รับเหมาค่าแรงกระทำเช่นนั้นได้ เว้นแต่ว่าผู้ร้องมีอำนาจในการต่อรอง
๓. การจ้างเหมาค่าแรง ส่งผลให้นายจ้างที่เป็นผู้รับเหมาค่าแรงฉวยโอกาสฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับ
แรงงานมากขึ้น เช่น
- หักเงินค่าจ้างเพื่อสมทบกองทุนประกันสังคม แต่นำส่งไม่ครบถ้วนหรือ นำส่งล่าช้าให้ลูกจ้าง
ไม่สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้
- เมื่อจะเปลี่ยนย้ายสถานที่ทำงาน ก็ให้ลูกจ้างเขียนใบลาออก ทำให้ลูกจ้างเสียสิทธิในเงิน
ค่าชดเชยและการนับอายุงาน
- สั่งให้ลูกจ้างหยุดงาน อ้างว่าไม่มีงาน และไม่จ่ายค่าจ้างให้ เพื่อให้ลูกจ้างลาออกหรือหางานใหม่ทำ
เป็นผลให้นายจ้างพ้นความรับผิดชอบตามกฎหมาย เนื่องจากลูกจ้างมักขาดความรู้ในข้อกฎหมาย ทั้งๆ ที่ตาม
กฎหมาย การสั่งหยุดงานโดยไร้เหตุผลหรือไม่มีความจำเป็นเพียงพอกัน นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างเต็มจำนวน
คณะกรรมการ ฯ เห็นว่า แม้ว่าบุคคลมีเสรีภาพในการทำสัญญา และการจ้างเหมาค่าแรงเป็นรูปแบบ
ของสัญญาอย่างหนึ่งที่สามารถกระทำได้ตามกฎหมาย แต่จะต้องคำถึงหลักการอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น
หลักความสุจรติในการทำสัญญา ข้อสัญญาจ้างเหมาค่าแรงจะต้องไม่ขัดต่อกฎหมายเกี่ยวกับแรงงาน ซึ่งเป็น
กฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน หลักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของ
ลูกจ้างตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ หรือข้อตกระหว่างประเทศที่ประเทศไทยให้
สัตยาบันแล้ว
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ถูกร้องทำสัญญาจ้างเหมาค่าแรงโดยมีเจตนาบั่นทอนหรือทำลายอำนาจ
รองต่อของผู้ร้อง และผู้ถูกร้องอาศัยสัญญาจ้างเหมาค่าแรงเอาเปรียบหรือปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ต่อลูกจ้าง
ของผู้รับเหมาค่าแรงและไม่ดูแลให้ผู้รับเหมาค่าแรงปฏิบัติต่อลูกจ้างให้ถูกต้องครบถ้วน ตามกฎหมายเพราะ
ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ และพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ให้ถือว่า
ผู้ถูกร้องมีฐานะเป็นนายจ้างด้วย ส่วนพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ ให้ผู้ถูกร้องร่วมรับผิดกับผู้รับ
เหมาค่าแรงที่เป็นนายจ้าง
การทำสัญญาจ้างเหมาคาแรงของผู้ถูกร้อง ในขณะหรือภายหลังมีข้อพิพาทแรงงานกันแล้วเป็นไปโดย
ไม่สุจริต สัญญาจ้างเหมาดังกล่าวก่อให้เกิดการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมตามกฎหมายเกี่ยวกับแรงงานหลาย
ประการ โดยเฉพาะเป็นการละเมิดศักดิ์ความเป็นมนุษย์ของลูกจ้างตามรัฐธรรมนูญ และก่อให้เกิดการละเลย
การไม่ปฏิบัติตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงานขององค์การระหว่างประเทศ
คณะกรรมการฯ มีข้อสังเกตว่า มีการละเมิดสิทธิลูกจ้างในระบบจ้างเหมาค่าแรงมากมาย ทั้งตาม
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ และพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ฉบับแก้ไข
แสดงให้เห็นว่าการบริหารงานของกระทรวงแรงงาน และการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
แรงงานและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ยังขาดประสิทธิภาพและความจริงใจในการคุ้มครองลูกจ้าง เป็นช่องทางที่
ทำให้การเอาเปรียบลูกจ้างในระบบจ้างเหมาขยายกว้างขึ้น มีการเลือกปฏิบัติในการจ้างงานมากขึ้น
ประเด็นที่สาม ผู้ถูกร้องเลิกจ้างหญิงมีครรภ์ เป็นการเลิกจ้างที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือเลิกจ้างโดย
ไม่เป็นธรรมหรือไม่
คณะกรรมการฯพิจารณาเหตุผลของผู้ถูกร้องในการเลิกจ้างลูกจ้างจำนวน ๒๙๗ คน ซึ่งมีลูกจ้างหญิง
มีครรภ์รวมอยู่ด้วย จำนวน ๑๐ คน ที่ว่าเป็นเพราะผู้ถูกร้องต้องการลอดขนาดองค์กร เนื่องจากประสบภาวะ
ขาดทุนมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ และกำลังซื้อสินค้าลดลง มิได้เลิกจ้างเพราะเหตุมีครรภ์ นั้น
เห็นได้ว่าเหตุผลของผู้ถูกร้องยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะเลิกจ้างลูกจ้างหญิงมีครรภ์ แม้จะปรากฏ
ข้อเท็จจริงว่า ตามงบการเงินปี ๒๕๔๓ ถึง ๒๕๔๕ ผู้ถูกร้องขาดทุนเป็นเงินประมาณ ๑๙๔ ล้านบาท ๑๒๔
๒๘๐ สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงาน
Master 2 anu .indd 280 7/28/08 9:23:19 PM

