Page 278 - สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงานและบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
P. 278
ปัญหาแรงงานหญิงที่ตั้งครรภ์ เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ณ สำนักงาน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
แห่งชาติ ผู้เข้าร่วมประกอบด้วยลูกจ้างหญิงมีครรภ์ที่ถูกเลิกจ้าง ผู้ร้อง สหภาพแรงงานต่างๆ หน่วยงาน
ภาครัฐ ชมรมสมาชิกรัฐสภาสตรีไทย และสื่อมวลชน
ที่ประชุมมีความเห็นและข้อเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการเพื่อดูแลสวัสดิการสำหรับลูกจ้าง
หญิงมีครรภ์แบบครอบวงจร แต่เท่าที่พิจารณากฎหมายด้านแรงงานที่บังคับใช้อยู่ ยังเป็นปัญหาใน
การตีความ และยังไม่ครอบคลุม นอกจากนี้ จำเป็นต้องหามาตรการในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วย
ซึ่งกระทรวงแรงงาน ควรประสานงานกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อย่างจริงจัง
อนึ่ง ชมรมสมาคมรัฐสภาสตรีไทยได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยจัดโบว์ลิ่ง การกุศล
เพื่อจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือลูกจ้ามีครรภ์ เมื่อวันที่ ๑๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวบรรลุ
วัตถุประสงค์ คณะกรรมการจัดงานดังกล่าวได้จัดสรรเงินเพื่อช่วยเหลือลูกจ้างหญิงมีครรภ์ทั้ง ๑๐ ราย แล้ว
ส่วนข้อสรุปและข้อเสนอแนะจากการเสวนาเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๔๗ คณะกรรมการ ฯ ได้สรุป
และนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาดำเนินการปรับปรุงแก้ไข
กฎหมายต่อไป
อนึ่ง จากการตรวจสอบ คณะอนุกรรมการฯ พบว่ามีข้อเท็จจริงที่บ่งชี้ถึงมูลเหตุอันสำคัญอันเป็นที่มา
ของการร้องเรียนทั้ง ๓ ประเด็น ดังนี้
เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๖ ผู้ร้องได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อผู้ถูกร้องเพื่อปรับปรุงสภาพการจ้างผู้ถูกร้อง
ได้ยื่นข้อเรียกร้องสวนต่อผู้ร้องแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ เมื่อเข้าสู่กระบวนการของพนักงานประนอม
ข้อพิพาทแรงงานแล้ว ก็ไม่สามารถไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทได้
ผู้ร้องได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีสองครั้ง เพื่อให้แก้ไขปัญหาในเดือน พฤศจิกายน
๒๕๔๖ ต่อมาในเดือนธันวาคม ๒๕๔๖ ผู้ร้องใช้สิทธินัดหยุดงาน ส่วนผู้ถูกร้องก็ใช้สิทธิปิดงานโดยถูกต้อง
ตามขั้นตอนของกฎหมาย
วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๖ ผู้ร้องนำสมาชิกไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล
นายโภคิน พลกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับเรื่องและรับปากว่าจะแก้ไขปัญหาโดยด่วน วันที่ ๑๗ ธันวาคม
๒๕๔๖ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (นางอุไรวรรณ เทียนทอง) มีคำสั่งให้ทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องยกเลิก
การใช้สิทธินัดหยุดงานและปิดงาน และให้ลูกจ้างเข้าทำงานตามปกติ ตามมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติ
แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ และให้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์เป็นผู้ชี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน
หลังจากที่ผู้ถูกร้องประกอบการผลิตตามปกติตามคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานแล้วผู้ถูกร้อง
ได้ดำเนินการด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้ลูกจ้างลาออก ปรากฏว่ามีลูกจ้างลาออกจำนวน ๗๐๓ คน
วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ ผู้ถูกร้องได้เลิกจ้างกรรมการสหภาพแรงงานฯ ผู้ร้องและผู้มีบทบาทสำคัญ
ในการยื่นข้อเรียกร้อง จำนวน ๓ คน และขอเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างซึ่งเป็นเลขาธิการสหภาพแรงงาน
ผู้ร้อง ๑ คน ต่อศาลแรงงานกลางธัญบุรี
วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๗ ผู้ถูกร้องได้ขออนุญาตศาลแรงงานกลางธัญบุรีเพื่อเลิกจ้างกรรมการลูกจ้าง
๑๑ คน และในระหว่างดำเนินคดี ผู้ถูกร้องไม่ให้กรรมการลูกจ้างเข้ามาทำงาน แต่จ่ายค่าจ้างให้ตามปกติ
วันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๗ หลังจากผุ้ร้องได้จัดประชุมเพื่อเลือกตั้งซ่อมกรรมการสหภาพแรงงานที่ถูก
เลิกจ้างจำนวน ๖ คน ผู้ถูกร้องก็ได้เลิกจ้างกรรมการสหภาพแรงงานที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งทั้ง ๖ คน
การเลิกจ้างดังกล่าวนี้ ผู้ถูกร้องยังคงอ้างเหตุผลเดียวกัน คือ การลดขนาดองค์กร
ความเห็นของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้พิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่างๆ ประกอบแล้ว
มีความเห็นตามประเด็นการตรวจสอบ ดังนี้
๒๗๘ สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงาน
Master 2 anu .indd 278 7/28/08 9:23:18 PM

