Page 271 - สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงานและบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
P. 271

การแก้ไขปัญหาของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน
                    ด้วยความตระหนักถึงผลกระทบที่ผู้ร้องและครอบครัวได้รับ จากกรณีผู้ร้องประสบอันตรายจากการ
              ทำงาน เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ตลอดจนเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่
              ผู้ร้องและครอบครัว สามารถฟันฝ่าอุปสรรคและดำเนินชีวิตต่อไปได้ตามสมควร จึงพยายามเจรจาไกล่เกลี่ย
              ระหว่างผู้ร้องกับผู้ถูกร้องที่ ๑ ผลปรากฏว่าทั้งสองสามารถตกลงกันได้ และคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานได้
              ทำบันทึก ข้อตกลงไว้ มีสาระสำคัญดังนี้
                    ๑. ผู้ถูกร้องตกลงจ่ายเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) ซึ่งเป็นเงินสินไหมทดแทน
              กรณีทุพพลภาพจากสัญญาประกันภัยที่ผู้ถูกร้องทำไว้ให้แก่ผู้ร้อง
                    ๒. ผู้ถูกร้องที่ ๑ ตกลงจ่ายค่าชดเชยกรณีเลิกจ้างให้ผู้ร้องเป็นเงินจำนวน ๔๓,๘๐๐ บาท (สี่หมื่นสาม
              พันแปดร้อยบาทถ้วน) และสินจ้างกรณีมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าในการเลิกจ้าง เป็นเงินจำนวน ๗,๓๐๐ บาท
              (เจ็ดพันสามร้อยบาทถ้วน) ซึ่งผู้ร้องได้รับเงินจำนวนดังกล่าวครบถ้วนแล้ว
                    อนึ่ง คณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานได้ขอให้ผู้ถูกร้องที่ ๑ พิจารณาเพื่อความเป็นธรรมโดยจ่ายเงิน
              โบนัสให้แก่ผู้ถูกร้อง จำนวน ๑ เดือน เป็นเงิน ๗,๓๐๐ บาท และเงินช่วยเหลือการยังชีพของผู้ร้องในระหว่าง
              ที่ยังไม่สามารถทำงานได้ เป็นเงินเดือนละ ๓,๐๐๐ บาท เป็นเวลา ๑๒ เดือน รวมเป็นเงิน ๓๖,๐๐๐ บาท
              (สามหมื่นหกพันบาทถ้วน) ในส่วนนี้ผู้ถูกร้องที่ ๑ รับไปพิจารณาแต่ในที่สุดไม่ตกลง แต่ผู้ร้องก็ไม่ติดใจ
              ความเห็นและมติของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
                    ในการประชุมครั้งที่  ๓๑/๒๕๔๙  เมื่อวันที่  ๑๔  ธันวาคม  ๒๕๔๙  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
              แห่งชาติได้พิจารณามีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน  จึงมีมาตรการแก้ไข
              ปัญหา และข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ดังนี้
                    คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีมติว่า  ผู้ถูกร้องทั้งสอง  ไม่สื่อ  ไม่อธิบายสิทธิของผู้ร้อง
              อันเนื่องจากประสบอันตรายจากการทำงานให้ถูกต้องครบถ้วน ปกปิดข้อมูลอันจะเป็นประโยชน์ต่อลูกจ้าง
              ดำเนินการให้ลูกจ้างลาออกจากงาน ทั้งๆ ที่ประสบอันตรายจากการทำงาน โดยเฉพาะผู้ถูกร้องที่ ๒ ปฏิบัติ
              หน้าที่และบังคับใช้กฎหมายในลักษณะแยกส่วนและขาดประสิทธิภาพ ไม่ยอมรับการใช้สิทธิร้องเรียนของ
              ผู้ร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ด่วนตัดสินใจแนะนำให้ลูกจ้างลาออกโดยไม่คำนึงสิทธิ
              ประโยชน์ตามกฎหมายอื่น ด่วนตัดสินในสิทธิของผู้ร้อง อันเป็นการไม่สมควรแก่การปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็น
              การละเมิดสิทธิของผู้ร้อง

              มาตรการในการแก้ไขปัญหา
              	     สำนักงานประกันสังคม
              
     ๑.  ประสานงานกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน  เพื่อพัฒนาความรู้และความเข้าใจของ
              เจ้าพนักงานในการบริหาร และการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับแรงงานในภาพรวม มิใช่จำกัดอยู่แต่เฉพาะ
              กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของตนเท่านั้น อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง สำหรับภาพรวมหรือการบูรณาการ
              การบังคับใช้กฎหมายในกรณีร้องเรียนนี้ คือ การเชื่อมโยงพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ พระราช
              บัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ และกฎกระทรวงว่าด้วย
              การคุ้มครองแรงงานในงานที่รับไปทำที่บ้าน พ.ศ.๒๕๔๗ ทั้งนี้เมื่อดำเนินการแล้ว ให้แจ้งผลให้คณะกรรมการ
              สิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบ
                    ๒. ประสานงานกับกรมการประกันภัย กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสถานประกอบการที่
              ทำสัญญาประกันภัย เพื่อคุ้มครองลูกจ้างที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการขนส่งหรือการขับขี่ยานยนต์ ให้ลูกจ้างได้รับ
              ประโยชน์หรือสินไหมทดแทนโดยตรง เนื่องจากในสัญญาประกันภัยมักระบุให้นายจ้างเป็นผู้รับประโยชน์
              ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับรายงานฉบับนี้

                                                                    และบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน ๒๗๑





     Master 2 anu .indd   271                                                                     7/28/08   9:23:14 PM
   266   267   268   269   270   271   272   273   274   275   276