Page 269 - สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงานและบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
P. 269
ประการที่สอง
ในระหว่างที่ผู้ร้องต้องไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านภรรยาของผู้ร้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ร้องไม่ได้
รับความสะดวกในการขอรับเงินทดแทน การขาดรายได้จากสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรสาคร เพราะ
ผู้ร้องมีหน้าที่ต้องส่งหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับการรักษาให้แก่นายจ้าง ผู้ถูกร้องที่ ๑ เพื่อทำเรื่องขอเบิกจ่าย
และโอนเงินให้ผู้ร้องทางธนาคาร
ส่วนแพทย์ที่โรงพยาบาลในจังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่ยอมนัดให้ผู้ร้องไปรักษาตัวอีก อ้างว่า
“ไม่ทราบว่าจะรักษาอะไรอีก ทำกายภาพบำบัดที่บ้านของผู้ร้องก็ได้ จึงไม่อาจออกใบรับรองแพทย์ให้แก่
ผู้ร้องได้” ทำให้ผู้ร้องไม่อาจขอรับค่าทดแทนการขาดรายได้ และสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทนได้
กรณีนี้แสดงให้เห็นโดยชัดเจนว่า การจัดระบบบริหารในภาพรวม และการบูรณาการหน่วยงานต่างๆ
ที่เกี่ยวข้อง ยังมีจุดอ่อนหรือข้อจำกัดที่ไม่เอื้ออำนวยประโยชน์แก่ผู้ร้อง หรือลูกจ้างที่ประสบอันตรายจากการ
ทำงาน
ประการที่สาม
เมื่อประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ผู้ร้องและภรรยาของผู้ร้องได้ไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่
สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ได้พูดกับบุคคลทั้งสองว่า “ทำไมต้องร้องเรียน ชอบทำ
เรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เกินจำนวนที่กองทุนเงินทดแทนจ่ายแล้ว นายจ้าง
มีสิทธิจะไม่จ่ายค่ารักษาก็ได้ จะเรียกร้องอะไรอีก” คำกล่าวของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวแสดงโดยแจ้งชัดว่า
เจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจในสิทธิการร้องเรียนหรือการร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อันเป็นกลไก
คุ้มครองสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญ ไม่เข้าใจภาวะจิตใจ และความทุกข์ร้อนที่ผู้ร้องและครอบครัวได้รับใน
ระหว่างการรักษาตัว การร้องเรียนจึงกลายเป็นความผิดของผู้ร้องและภรรยาของผู้ร้อง ทั้งยังได้ปกป้อง
นายจ้าง ผู้ถูกร้องที่ ๑ ว่าได้รับผิดชอบต่อผู้ร้องครบถ้วนทุกประการแล้ว และกระทำตนเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดว่า
นายจ้าง ผู้ถูกร้องที่ ๑ ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลในส่วนที่เกินกองทุนเงินทดแทน ผู้ร้องไม่มีสิทธิเรียกร้อง
อะไรอีก นับเป็นกรณีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นการปฏิบัติหน้าที่ การบริหาร และการบังคับใช้กฎหมายที่ยังขาด
ประสิทธิภาพและไม่สอดคล้องกับนโยบายการปฏิรูประบบราชการเพื่อให้ประชาชนพึ่งพาได้
หลักกฎหมายและกติการะหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
๑. พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ.๒๕๓๗ มีสาระสำคัญดังนี้
๑.๑ ค่ารักษาพยาบาล
ได้รับเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๓๕,๐๐๐ บาท ต่อการประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย ๑ ครั้ง
หากเป็นกรณีมีความรุนแรง ให้เบิกเพิ่มได้ในวงเงินไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
(มาตรา ๑๓ ประกอบระเบียบของสำนักงานประกันสังคม)
๑.๒ ค่าทดแทนการขาดรายได้ กรณีที่ไม่สามารถทำงานได้ติดต่อกันเกิน ๓ วัน
ได้รับค่าทดแทนเป็นรายเดือนร้อยละ ๖๐ ของค่าจ้างรายเดือน โดยจ่ายตั้งแต่วันแรกไปตลอดระยะเวลาที่ไม่
สามารถทำงานได้เท่าที่แพทย์สั่งไม่เกิน ๑ ปี (มาตรา ๑๘)
๑.๓ ค่าทดแทน กรณีสูญเสียอวัยวะ หรือสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของอวัยวะบางส่วน
ได้รับค่าทดแทนเป็นรายเดือนร้อยละ ๖๐ ของค่าจ้างรายเดือนตามประเภทของการสูญเสียแต่ไม่เกิน ๑๐ ปี
(มาตรา ๑๘)
๑.๔ ค่าใช้จ่ายกรณีฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานภายหลังการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
(มาตรา ๑๕)
สำหรับลูกจ้างที่จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูได้รับตามอัตราดังนี้
๑. ค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟู ด้านการแพทย์ และอาชีพ เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท
และบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน ๒๖๙
Master 2 anu .indd 269 7/28/08 9:23:13 PM