Page 211 - สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงานและบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
P. 211
บทเรียนการทำงานของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน
และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
เมื่อมีการฟ้องคดี คณะอนุกรรมการฯ ก็ต้องยุติการตรวจสอบในประเด็นเดียวกันกับประเด็น
การพิจารณาของศาล โดยเฉพาะปัญหาการเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมต่อแกนนำสหภาพแรงงาน หรือ
ผู้ริเริ่มก่อตั้งสหภาพแรงงาน ขณะที่กระบวนการทางศาลใช้เวลาหลายปีและมีค่าใช้จ่ายสูง ลูกจ้างที่
ถูกเลิกจ้างจะเดือดร้อนที่ไม่มีงานทำด้วย ในที่สุดแกนนำจำนวนไม่น้อยก็จำต้องยอมรับเงินแล้วลา
ออกไป ไม่สามารถดำเนินงานของสหภาพแรงงานและพิทักษ์สิทธิของลูกจ้างได้
(๔) การละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิแรงงาน ที่ถูกตีความว่าไม่ผิดกฎหมาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีนายจ้างต้องดำเนินการให้ลูกจ้างกลับเข้าทำงาน แต่ในทางปฏิบัติจะไม่ยอม
ให้เข้าไปทำงานและไม่ยอมให้เข้าไปในโรงงาน โดยจ่ายค่าจ้างให้ นับเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดของการ
ไกล่เกลี่ยในกรอบการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
เช่น กรณีสหภาพแรงงานจีน่าสัมพันธ์ เมื่อแกนนำสหภาพฯถูกเลิกจ้าง ต่อมามีการเจรจา
เป็นที่ยุติ ให้รับกลับเข้าทำงาน แต่นายจ้างไม่ยอมให้กลับเข้าทำงานจริง โดยจ่ายเงินเดือนผ่าน
บัญชีธนาคารและห้ามลูกจ้างเข้าไปในโรงงาน เจ้าหน้าที่ของรัฐตีความว่าไม่ผิดกฎหมาย
กสม. ได้จัดทำรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนและวินิจฉัยว่าเป็นการละเมิด
ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิสหภาพแรงงาน เพราะแรงงานคือผู้ที่ต้องการทำงาน มิใช่แบมือ
ขอรับเงินค่าจ้างโดยไม่ทำงาน ต้องการความก้าวหน้าในการทำงานบนศักยภาพของตนเอง มิใช่รับ
เพียงค่าจ้างขั้นต่ำประทังไป ขณะเดียวกันก็เป็นการละเมิดสิทธิสหภาพแรงงานอย่างรุนแรง เพราะถ้า
แกนนำสหภาพแรงงานไม่สามารถประสานงานและจัดกิจกรรมกับสมาชิกสหภาพแรงงานได้ ก็เท่ากับ
ทำลายสหภาพแรงงานนั่นเอง เป็นการกดดันให้แกนนำสหภาพแรงงานต้องลาออกไปเองในที่สุด
สหภาพแรงงานจิน่าสัมพันธ์ได้ไปเคลื่อนไหวกับขบวนการแรงงานต่างประเทศ และเผยแพร่
รายงานผลการตรวจสอบของ กสม. ทำให้ในที่สุดนายจ้างยินยอมให้กลับเข้าทำงาน การต่อสู้ยืนหยัด
เพื่อรักษาบทบาทและสิทธิของสหภาพแรงงานจิน่าสัมพันธ์ช่วยให้ลูกจ้างทั้งหมดสามารถรักษาสิทธิ
ประโยชน์ของตนเองได้อย่างดีเมื่อบริษัทปิดกิจการในอีกหลายปีต่อมา เป็นตัวอย่างที่ดีของการเฝ้า
ระวังและการเจรจาต่อรอง ร่วมกับการติดตามจากคณะอนุกรรมการ ฯ ทำให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
แรงงานต้องสั่งการห้ามนายจ้างขนย้ายเครื่องจักรและทรัพย์สินชั่วคราวก่อนที่ปิดกิจการ ซึ่งมี
นายจ้างหลายรายขนย้ายเครื่องจักรและทรัพย์สินแล้วปิดกิจการในเวลาต่อมา โดยไม่มีทรัพย์สิน
เพื่อชำระให้ลูกจ้างตามกฎหมาย
กรณีบริษัท ไทยซัมมิท อีสเทิร์นซีบอร์ดโอโต้พาร์ท อินดัสตรี จำกัด ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง
เมื่อมีข้อพิพาทแรงงาน ต่อมาตกลงกันได้มีการเปิดงานตามปกติ แต่กลับไม่ยอมให้ลูกจ้างที่ถูกปิดงาน
กลับเข้าทำงาน กลับจัดโครงการอบรมนอกสถานที่เป็นเวลาหลายเดือน เพื่อกดดันสมาชิกและแกนนำ
สหภาพแรงงาน โครงการดังกล่าวนี้ กลับได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยการใช้ห้อง
ประชุมที่ว่าการอำเภอ ในที่สุดเมื่อถูกตรวจสอบจากคณะอนุกรรมการ ฯ อย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ก็นำ
สมาชิกและแกนนำสหภาพฯ กลุ่มนี้ไปทำงาน ณ สถานที่อื่น โดยไม่อนุญาตให้ลูกจ้างเข้าไปใน
โรงงาน ประกอบกับมีโครงการเสนอจ่ายค่าชดเชยพิเศษถ้าลาออกในที่สุด ลูกจ้างจำนวนไม่น้อยก็
จำยอมลาออก ถือเป็นเจตนาการทำลายสหภาพแรงงานโดยตรง
และบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน ๒๑๑
Master 2 anu .indd 211 7/28/08 9:19:51 PM