Page 209 - สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงานและบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
P. 209
มีหลายกรณีที่นายจ้างชาวต่างประเทศหรือเจ้าของกิจการคนไทยให้ความร่วมมือในการ
ไกล่เกลี่ยทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันด้วยดี โดยคณะอนุกรรมการ ฯ ร่วมเป็นพยาน เช่น กรณี บริษัท
เอ็ม เอส พี สปอร์ตแวร์ จำกัด และบริษัท เอ็ม เค เอส จิวเวลรี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
มีหลายกรณีที่การตรวจสอบพบว่า นายจ้างละเมิดสิทธิสหภาพแรงงาน ทำให้นายจ้างเร่งรีบ
เสนอค่าเสียหายให้แก่ลูกจ้างหรือสหภาพแรงงาน เช่น กรณีบริษัททรงชัยปั่นทอ จำกัด มีบางกรณี
ที่ลูกจ้างนำรายงานผลการตรวจสอบ ไปเผยแพร่และเคลื่อนไหวกับขบวนการแรงงานระหว่างประเทศ
หรือบริษัทที่ใช้หลักจรรยาบรรณทางการค้า ทำให้นายจ้างยอมรับการเจรจา หรือรับลูกจ้างกลับเข้า
ทำงาน เช่น กรณีห้างหุ้นส่วนจำกัดเทร็นด์ส บริษัท ไทยการ์เม้นท์ เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด บริษัทไทย
อินดัสเตรียล แกส จำกัด (มหาชน) เป็นต้น มีบางกรณีที่การไกล่เกลี่ยนำไปสู่การยกเลิกกฎ ระเบียบ
ที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม เช่น กรณีบริษัท มิกาซ่า อินดัสตรี้ (ไทยแลนด์) จำกัด
ปัญหาและอุปสรรคในการไกล่เกลี่ย มีสาระสำคัญ ดังนี้
(๑) ในการทำงานปีแรก ๆ คณะอนุกรรมการ ฯ ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือในการไกล่เกลี่ย
และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเจ้าของกิจการทั้งที่เป็นคนไทยและนักธุรกิจข้ามชาติ ที่ปรึกษากฎหมาย
ของบริษัทมักจะเน้นให้ไปต่อสู้กันในชั้นศาลมากกว่า เนื่องจากนายจ้างได้เปรียบมากกว่า
นายจ้างมักจะส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล หรือลูกจ้างระดับหัวหน้างานที่เป็นคู่ขัดแย้งกับลูกจ้าง
โดยตรงมาให้ข้อเท็จจริง หรือพยายามส่งที่ปรึกษากฎหมายมาเจรจา ทำให้การไกล่เกลี่ยมีอุปสรรค
มาก โดยเฉพาะในประเด็นการละเมิดสิทธิสหภาพแรงงาน การเลิกจ้างแกนนำลูกจ้าง หรือมีการ
กระทำที่ไม่เป็นธรรมต่าง ๆ เช่น การตรวจค้นตัวลูกจ้างโดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ทั้งนี้ มีสาเหตุหลายประการ เช่น นายจ้างยังไม่เข้าใจบทบาทภาระหน้าที่ของ กสม.ในฐานะ
องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่เพิ่งเริ่มมีขึ้นใหม่ คิดว่าเป็นหน่วยงานของรัฐทั่วไป หรือคิดว่าไม่จำเป็น
ต้องมาชี้แจงหรือปรึกษาใดๆ เพราะไปชี้แจงหลายหน่วยงานแล้ว เช่น สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
จังหวัด กระทรวงแรงงาน หรือคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา บางส่วน
คิดไปว่า กสม.จะเข้าข้างแต่ลูกจ้าง และมองว่านายจ้างต้องการลดทอนหรือมีเจตนาทำลาย
สหภาพแรงงานอยู่แล้ว หรือบางส่วนเข้าใจว่า กสม.ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบถ้าเรื่องไปถึงศาลแล้ว
ที่ปรึกษากฎหมายของนายจ้างพยายามปฏิเสธอำนาจการตรวจสอบของ กสม. โดยอ้างมาตรา ๒๒
แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ ทั้ง ๆ ที่ เป็นคนละประเด็นกัน
กับเรื่องในศาล
อย่างไรก็ตาม จากการพยายามประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาทั้งนายจ้างและเจ้าหน้าที่
ของรัฐในการไกล่เกลี่ย บนหลักการพื้นฐานสิทธิมนุษยชนที่ทุกฝ่ายต้องยอมรับและตระหนักอย่างไม่อาจ
หลีกเลี่ยงได้ รวมทั้งกระแสการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนด้านแรงงานจากทางสากล เมื่อประกอบกับมี
ความเข้าใจถึงอำนาจหน้าที่ที่สำคัญของ กสม. ในการเรียกเอกสารและการต้องมาชี้แจงข้อเท็จจริง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบุคคล และนิติบุคคล ที่มีบทบัญญัติรับรองในกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
อย่างชัดแจ้ง โดยมีทั้งโทษจำและโทษปรับ ทำให้ระยะต่อมาได้รับความร่วมมือที่จะมาให้ข้อเท็จจริง
และร่วมมือในการไกล่เกลี่ยจากนายจ้างหรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้าง ทั้งชาวไทยและชาวต่าง
ประเทศดีขึ้นมาก รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยยังไม่เคยใช้บทลงโทษตามกฎหมายแม้แต่รายเดียว
และบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน ๒๐๙
Master 2 anu .indd 209 7/28/08 9:19:40 PM