Page 91 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 91

บทสรุปและบทวิเคราะห์ทั้งประเทศ (สัมภาษณ์ KI009, 21 พฤศจิกายน
                                 2564)”

                           เครือข่ายเอาใจออกห่าง
                           จากการสัมภาษณ์เชิงลึกพบว่าในช่วงกสม.ตั้งแต่ชุดที่ 2 เป็นต้นมา การทำงานกับเครือข่าย
                    ลดน้อยลง จนเกิดเป็นเหตุการณ์ “เอาใจออกห่าง” ระหว่างเครือข่ายและกสม. สาเหตุหนึ่งมาจาก
                    คำถามทางด้านความชอบธรรมทางกฎหมายของกสม. ภายใต้สถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรงของ
                    ประเทศไทยในช่วงเวลานั้นตลอดจนการมีหน่วยงานอื่นที่รู้สึกเป็น “พึ่งได้” มากกว่าจึงมีการหันไป
                    ทำงานกับพันธมิตรอื่นที่นอกเหนือจากกสม. ดังเสียงสะท้อน

                                      “ไม่มี (ความร่วมมือ) ตอนกสม.ชุดที่ 3 เราไม่มีเลย ไม่มีอะไรเลย
                                 เวลาเราเสนออะไรไป ข้อเสนอเราส่วนใหญ่ไม่ได้รับการสนอง คิดว่า เขามี
                                 หลักคิดการทำงานแบบราชการ ทำงานแบบแบบราชการ ” ( สัมภาษณ์
                                 KI024, 7 กุมภาพันธ์ 2565)

                                      “ (กสม.) ชุดที่ 1 ร่วมมือมากที่สุด ชุดที่สองนี่ร่วมบางคน และไม่ร่วม
                                 บางคน ชุดที่สามจะเรียกว่าได้รับการยอมรับน้อยมาก ชุดที่สี่จึงต้องมารื้อ
                                 ฟื้นความเชื่อมั่นการยอมรับ เรื่องนี้เป็นหัวใจหนึ่งในการทำงานด้าน
                                 เครือข่าย เพราะหากไม่เชื่อมั่นไม่ยอมรับแล้ว ลำบาก ยิ่งเป็นสถานการณ์
                                 ท่ามกลางความขัดแย้งและการต่อสู้ทางการเมือง กสม.ต้องยืนข้างสิทธิ
                                 มนุษยชน ไม่ใช่ยืนข้างความคิดและความเชื่อต่างๆ ถ้ายืนอย่างนี้ไม่ได้ก็
                                 ทำงานไม่ได้ แต่ก็จะถูกด่าจากทั้งสองข้าง ทำใจได้เลย เพราะเราต้องเป็น
                                 อย่างที่เราเป็น ไม่ใช่เป็นอย่างที่เขาอยากให้เป็น” (สัมภาษณ์ KI014, 20
                                 พฤศจิกายน 2564)

                                      “คิดว่าในยุคแรกเป็นการร่วมมือและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ชุดที่
                                 สองจะลดลงมาเหลือแค่เรื่องร้องเรียนเป็นหลัก พาผู้ร้องเรียนไปให้ข้อมูล
                                 ข้อเท็จจริง ในชุดที่สามก็ใกล้เคียงกันแต่ลดน้อยลงไปอีก … ในชุดที่สองพี่
                                 คิดว่าด้วยอำนาจและบทบาทที่มันเปลี่ยนไปในมุมเรื่องการขับเคลื่อนเชิงจัด
                                 กิจกรรม พี่คิดว่ากสม.ต้องทำงานเชิงรุก ชุดที่สองมีเชิงรุกในการลงพื้นที่
                                 เยอะ แต่การจัดกิจกรรมวิเคราะห์ลักดันในเชิงวิชาการจะลดน้อยลง และใน
                                 ชุดถัดมาก็จะลดน้อยลงมากเข้าไปใหญ่ … (เรา) จะไม่ค่อยทราบระบบ
                                 ภายในของกสม.มาก แต่เท่าที่ทราบคือระบบภายในมันไม่เอื้อต่อการทำงาน
                                 ด้วย ไม่ใช่แค่ตัวกสม.เองอย่างเดียว เมื่อกลไกภายในเปลี่ยนมันก็จะลำบาก
                                 พี่เข้าใจว่าในชุดแรกจะมีกลไกอนุกรรมการที่ค่อนข้างเข้มแข็งในการเข้าไป
                                 ร่วมทำงานด้วย มีอนุกรรมการแต่ละส่วนแต่ละเรื่องและสามารถเชื่อม
                                 ประสานกับชุมชนได้ด้วยก็เลยเกิดการทำงานแบบ partner ”  (สัมภาษณ์
                                 KI009, 21 พฤศจิกายน 2564)

                           เหตุผลสำคัญที่เครือข่ายไม่ร่วมทำงานกับกสม. และหันไปหาพันธมิตร (Partner) อื่น
                    มากกว่า คือกลไกทางกฎหมายของกสม.



                                                            -84-
   86   87   88   89   90   91   92   93   94   95   96