Page 520 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 520
สําหรับที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินซึ่งไม่เหมาะสมต่อการประกอบเกษตรกรรม และ ส.ป.ก. ไม่
ประสงค์จะนําที่ดินดังกล่าวมาดําเนินการปฏิรูปที่ดิน ถ้าที่ดินนั้นอยู่ในหลักเกณฑ์ตามมาตรา 4 แห่ง
พระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 แล้ว จะเป็นที่ราชพัสดุหรือไม่ สามารถแยกพิจารณาออกได้เป็น
สองกรณี คือ
กรณีที่หนึ่ง ที่ราชพัสดุที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ถ้ากระทรวงการคลังมิได้ให้ความยินยอมตาม
มาตรา 26 (2) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ที่ดินนั้นก็ยังคงเป็นที่
ราชพัสดุอยู่เช่นเดิม มิได้ถูกถอนสภาพแต่อย่างใด
กรณีที่สอง ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสําหรับใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน
โดยเฉพาะหรือที่ดินที่ได้สงวนหวงห้ามไว้ตามความต้องการของทางราชการ ถ้ากระทรวงการคลังให้
ความยินยอมแล้วจะมีผลเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ส.ป.ก. มีอํานาจนํา
ที่ดินนั้นมาใช้ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้ แม้ต่อมา ส.ป.ก. ไม่ประสงค์จะนําที่ดินนั้นมา
ดําเนินการปฏิรูปที่ดินก็ไม่มีผลทําให้ที่ดินดังกล่าวที่พ้นจากสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
กลับเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ (ที่ราชพัสดุ) อีก
6.10 เรื่องเสร็จที่ 106/2540 บันทึกเรื่อง หารือปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการนําที่ดินที่
มีพระราชกฤษฎีกาหวงห้ามที่ดินเพื่อประโยชน์ในราชการกรมป่าไม้มาดําเนินการปฏิรูปที่ดิน
เพื่อเกษตรกรรม
คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ 7) มีความเห็น ดังนี้
ประเด็นที่หนึ่ง ที่ดินที่ได้หวงห้ามไว้เพื่อประโยชน์ของทางราชการโดยอาศัยอํานาจตาม
พระราชบัญญัติการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พุทธศักราช 2478
แม้ว่ากฎหมายดังกล่าวจะถูกยกเลิกไปตามมาตรา 4 (6) แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมาย
ที่ดิน พ.ศ.2497 แต่ก็ยังคงเป็นที่หวงห้ามต่อไปตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวล
กฎหมายที่ดินฯ การจะนําที่ดินที่มีการหวงห้ามไปใช้ในกิจการอื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์เดิมของ
การหวงห้ามโดยหลักเกณฑ์ทั่วไปจะต้องมีการถอนการหวงห้ามเสียก่อน ซึ่งมาตรา 9 แห่ง
พระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 กําหนดวิธีการถอนการหวงห้ามไว้ว่าให้ตราเป็นพระราช
กฤษฎีกา และให้มีแผนที่แสดงเขตที่ดินแนบท้ายพระราชกฤษฎีกานั้นด้วย แต่เพื่อให้สามารถ
ดําเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้ด้วยความสะดวกรวดเร็ว ในมาตรา 26 (2) แห่ง
พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 จึงกําหนดว่า เมื่อกระทรวงการคลังให้
ความยินยอมแล้ว ให้พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดินมีผลเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณ
สมบัติของแผ่นดิน ดังกล่าว โดยไม่ต้องถอนสภาพตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ ดังนั้น ที่ดินที่ได้หวง
่
ห้ามไว้เพื่อประโยชน์แห่งราชการกรมปาไม้ตามพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่
่
ตําบลห้วยโปง และตําบลสํานักกะท้อน อําเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. 2492 เมื่อจะนํามา
8‐85